นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ขับสนุก ช่วงล่างแน่น เดินทางไกลๆ ใช่เลย

ช่วงนี้ต้องบอกว่า นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ (Nissan Kicks e-Power) กำลังได้รับความสนใจจากลูกค้าจำนวนมากมายทีเดียว แต่อย่าแปลกใจถ้าเห็นยอดจดทะเบียนรายเดือนไม่มากนัก นั่นเป็นเพราะไม่มีรถส่งมอบเพียงพอ จากปัญหาคลาสสิคที่เกิดขึ้นทั่วโลก ก็คือ การขาดแคลนชิ้นส่วน โดยเฉพาะเซมิคอนดัคเตอร์ และนิสสันจะโดนหนักกว่าเพื่อร่วมชาติสักหน่อย เพราะว่าใช้ชิ้นส่วนที่มีแหล่งที่มาจากจีนเยอะกว่ายี่ห้ออื่นๆ เพราะแม้โควิดจะคลี่คลาย แต่นโยบายจีนยังเข้มข้น มีการล็อกดาวน์หลายช่วงหลายพื้นที่

แต่ปัญหาก็คงมีทางแก้ และในมุมของลูกค้าที่อยากได้ ก็เต็มใจรอ ไม่ยกลิกการจอง อันนี้ส่วนหนึ่งจากที่เห็นคนรู้ๆ จักกัน ที่ยังไงก็รอ

ความนิยมต่อคิกส์ที่เพิ่มขึ้นชัดเจน เกิดหลังจากการอัพเกรด และปรับโครงสร้างราคา เมื่อรวมกับการที่ผู้บริโภคเริ่มรู้จักคำว่า "อี-พาวเวอร์" มากขึ้น รู้ว่ามันคืออะไร และมีประโยชน์อะไร ต่างจากช่วงเปิดตัวแรกๆ ที่หลายคนยังมีปัญหาในใจ ยิ่งเจอดราม่าโหมกระแสว่า มันคือ ไฟฟ้า หรือ ไฮบริด

ถึงวันนี้หลายคนเลิกสนใจตรงนั้น และหันมาดูว่ามันมีดีอะไรมากกว่า

การอัพเกรดครั้งนี้ ในด้านเทคนิค นิสสันเพิ่มขนาดแบตเตอรีลิเธียม ไอออนเป็น 2.06 กิโลวัตต์-ชั่วโมง จากเดิม 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขึ้น 30%

อาจจะดูเหมือนไม่เยอะสำหรับความจุแบตเตอรี แต่ก็ช่วยลดภาระเครื่องยนต์ไปได้พอควร มีจังหวะพักบ้างอะไรบ้าง จากการชาร์จกลับที่สามารถประจุไฟได้มากขึ้น และก็ช่วยให้การทำงานลื่นไหลมากขึ้น

นิสสัน คิกส์ เป็นรถที่มีขนาดกะทัดรัด ซึ่งเมื่อครั้งเปิดตัวครั้งแรก การวางตลาดในกลุ่ม ซี-เซ็กเมนต์ เลยกลายเป็นจุดเสียเปรียบ จนต้องหาทางแก้ไขกัน

แต่จริงๆ ในด้านตัวรถ ก็ถือว่าน่าใช้สำหรับการใช้งานทั่วไป หรือ ครอบครัวย่อมๆ พื้นที่ห้องโดยสาร กว้างขวางเพียงพอ พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีพอประมาณ

เบาะนั่งด้านหน้า นั่งได้สบาย พื้นที่กว้างขวางสมตัว เบาะดัานหลัง พื้นที่เหนือศีรษะ พื้นที่วางเท้า หรือพื้นที่ว่างช่วงเข่าก็กว้างพอควร แต่ว่าเบาะนั่งแถวหลังสั้นไปนิด คิดว่าถ้านั่งยาวๆ อาจจะต้องขยับแข็งขยับขากันนิดหน่อย เพราะอาจจะเมื่อยได้ ถ้าเบาะยาวอีกหน่อย ไปรองรับถึงข้อพับได้ก็น่าจะดี

ออปชั่นหลักๆ ที่มีมาให้เรียกว่าเยอะ ไม่ว่าจะเป็นระบบความปลอดภัยรอบคัน 360 องศา Safety Shield เช่น เทคโนโลยีแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง หรือ Lane Departure Warning (LDW) ที่จะส่งสัญญาณสั่นที่พวงมาลัยเตือนผู้ขับขี่ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือ Intelligent Cruise Control (ICC) ที่รักษาระยะห่างจากคันหน้าได้ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน หรือ Intelligent Emergency Braking (IEB) ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้า หรือ Intelligent Forward Collision Warning (IFCW) และ ระบบเตือนจุดอับสายตา หรือ Blind Spot Warning (BSW)

ระบบอินโฟเทนเมนต์ นิสสันคอนเน็ค (NissanConnect) รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนทั้งระบบ Android Auto และ Apple CarPlay สามารถใช้งานแอปพลิเคชั่นจากสมาร์ทโฟน รวมถึงเรียกดูแผนที่ช่วยนำทางได้อย่างชัดเจน ผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว มีช่องเชื่อมต่อยูเอสบี แต่ว่ายังไม่มีระบบชาร์จไร้สายให้

สำหรับราคาของ คิกส์ ออเทค รุ่นที่ลองอยู่นี้ ซึ่งเป็นรุ่นแต่งพิเศษ เช่น สีทูโทน หลังคาดำ โดยมีสีตัวถังภายนอกให้เลือก 4 สี เสริมความสปอร์ตและหรูหราด้วยชุดสเกิร์ตสีเงินเมทัลลิค รอบคัน และตกแต่งด้วยตราสัญลักษณ์ AUTECH ค่าตัวอยู่ที่ 949,000 บาท

คิกส์ยังมีให้เลือกอีก 3 รุ่นย่อย คือ รุ่น E 759,000 บาท รุ่น V 829,000 บาท และ VL 899,000 บาท

คราวนี้ผมได้ลองคิกส์ รุ่น ออเทค (Autech) กันยาวพอประมาณ ทั้งขับเอง ทั้งนั่ง สลับกัน 2 คน เริ่มต้นจากอุดรธานี มุ่งหน้าไปสกลนคร แวะทานสเต็กเนื้อโพนยางคำกันที่นั่น ก่อนไปจิบกาแฟริมโขงที่นครพนม จากนั้นก็ยิงยาวไปมุกดาหาร นอนชมแม่น้ำโขง 1 คืน ก่อนที่จะต่อไปยังอุบลราชธานี แต่ว่าแวบขึ้นไปผาชะนะไดเสียก่อน จะย้อนกลับมาตัวเมืองที่เริ่มฟื้นตัวจากน้ำท่วมหนัก

จริงๆ แล้วทริปนี้ นิสสัน จัดกันยาวๆ รวม 1,800 กม. เริ่มมาตั้งแต่เชียงราย และผมรับช่วงที่ 3 ปิดท้าย เรียกว่าเป็นการลองสมรรถนะกันไกลทีเดียวในสภาพภูมิประเทศที่หลากหลาย และดูสิว่า อี-พาวเวอร์ เจเนอเรชั่นที่ 2 ที่มอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร จะเป็นอย่างไร

ส่วนเครื่องยนต์ที่เป็นตัวกำเนิดพลังงานไฟฟ้า ยังเป็นตัวเดิม คือ 3 สูบ 1.2 ลิตร DOHC

สำหรับเส้นทางการลองของผม เป็นเส้นทางที่ความหลากหลาย ทั้งทางหลวงระหว่างเมืองขนาดใหญ่ ทางชนบทที่่มีความหลากหลายเช่นกัน ทั้งทั้งเรียบๆ และทางลาดยางแบบที่ราดยางมะตอยบางๆ ทำให้พิ้นถนนเป็นตะปุ่มตะป่ำเพราะก้อนหินที่โผล่พ้นชั้นยางแอสฟัลต์ขึ้นมา ทำให้เกิดเสียงดังกราวๆ ดีแท้ เมื่อยางรถเคลื่อนที่ผ่านไป

ซ้ำร้ายการราดแบบนี้ทำให้มันชำรุดเสียหายง่าย ก้อนหินที่ปูพื้นหลุดออกมาเต็มผิวถนน ต้องขับให้ห่างจากคันหน้าพอควร ถ้าไม่อยากเสียกระจกหน้าไป แต่ที่สำคัญกว่าก็คือ มันทำให้ผิวถนนลื่นจากก้อนหินที่มันเคลื่อนที่ไปมาเมื่อล้อรถวิ่งผ่านไป นอกจากนี้ก็ยังมีกับดักด้วยหลุมบ่อตลอดทาง

แต่มันทำอะไรกับคิกส์ที่กำลังเร่งรีบไม่ได้ มันห้อตะบึงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีอาการสไลด์ของรถเป็นช่วงๆ ให้รู้สึกได้ โดยเฉพาะจังหวะที่ต้องหักหลบหลุมแบบรวดเร็ว

มันกลายเป็นสิ่งที่ผมยังไม่เคยเจอกับคิกส์ครับ เพราะไม่เคยขับเส้นทางแบบนี้มาก่อน นั่นคือ ช่วงล่างและระบบช่วยเหลือต่างๆ ทำงานได้ดีแบบไม่น่าเชื่อ ทางลื่นๆ แบบนี้กลายเป็นขับสนุกซะอย่างนั้น

และอีกช่วงที่ขับได้เร้าใจ คือ ทางขึ้นผาชะนะได ที่เป็นทางสวยงาม เรียบกริบ ดำขลับ แต่เล็ก และขอบถนนสูงๆ ไม่มีไหล่ทางให้พลาด ดังนั้นทางอุทยานฯ จึงต้องจัดระเบียบการขึ้น-ลง เป็นรอบๆ เพื่อป้องกันมาสวนกันกลางทาง แต่ทางเล็กๆ

และเต็มไปด้วยโค้งตลอดทาง ก็ทำให้ยืนยันเรื่องของช่วงล่างของคิกส์เพิ่มขึ้น มันเกาะถนนดี ช่วยให้ขับขี่ได้คล่องตัวมาก และทำเวลาได้ดีในเส้นทางแบบนี้ รับรองไม่ขวางทางใครเพราะขึ้นหรือลงได้ทันกำหนดเวลาที่อุทยานฯ กำหนดไว้แน่นอน

และจุดเด่นที่ย้ำกันอีกครั้งคือ จังหวะของการปีนไต่เนินที่กระฉับกระเฉง ขึ้นได้ไว ไม่อิดเอื้อน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญของบรรดารถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี ซึ่งแน่นอน การขับเคลื่อนของคิกส์ ก็เป็นเหมือนกับอีวี เพราะใช้มอเตอร์ล้วนๆ เครื่องยนต์ไม่เกี่ยว นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การขับขึ้นเขาทำได้ง่าย ไม่เครียด

และอีกสิ่งหนึ่งที่ปรับเปลี่ยนใหม่ และให้ความรู้สึกดีขึ้น ก็คือ e-Paddle Step ที่ทำให้การขับขี่เป็นธรรมชาติมากขึ้น จังหวะหน่วงดูสมูทกว่ารุ่นแรก แต่ก็เพียงพอต่อการที่ควบคุมรถด้วยคันเร่งอย่างเดียว เมื่อใช้โหมดขับเคลื่อนแบบ Sport ซึ่งผมเลือกใช้ในเส้นทางที่เป็นทางโค้ง ทางเขา

e-Paddle Step ช่วยให้ขับขี่สะดวกมาก นานๆ ทีจึงจะย้ายเท้ามาเหยียบเบรกสักครั้ง นอกจากนั้นก็ใช้แค่คันเร่ง ควบคุมความเร็วและลดความเร็ว

ซึ่งการใช้โหมดสปอร์ตในเส้นทางนี้ นอกจากได้ใช้ e-Paddle Step แล้ว การตอบสนองของมอเตอร์ไฟฟ้า ที่สปอร์ตขึ้น ก็เหมาะกับเส้นทางแบบนี้

ส่วนทางเรียบทั่วๆ ไป ผมใช้โหมด Normal เป็นหลัก ก็เพียงพอแล้ว การตอบสนองของมอเตอร์ การทำความเร็วสบายๆ และการควบคุมรถก็ขับได้สบายๆ เช่นกัน ไม่เหนื่อย รถมีความนิ่งสูง การทรงตัวดี พวงมาลัยแม่นยำ การขับบนทางหลวงข้ามจังหวัด จึงเป็นเหมือนการขับกินลมชมวิวเสียมากกว่า

แต่อย่าเหลือบตาลงไปดูมาตรวัดความเร็ว เพราะคุณจะรู้ว่าไม่ได้กินลมอยู่นี่นา

ส่วนเรื่องของอัตราสิ้นเปลือง จาการลองขับครั้งนี้ที่ขับกันแบบค่อนข้างดุดัน ทำได้ประมาณ 16.5 กม./ลิตร

เครดิตแหล่งข้อมูล : bangkokbiznews