NEW MG HS PHEV ชาร์จไฟเต็ม ขับได้ระยะทาง กว่า 70 กม.!!

    NEW MG HS PHEV เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ค่ายเอ็มจี พลักดันให้เป็นรถธงในการทำตลาดเมืองไทย ชูจุดเด่นมาพร้อมเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ และมอเตอรไฟฟ้าเพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายและมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก

NEW MG HS PHEV รถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) มาพร้อมการออกแบบที่สวยงามลงตัวในรูปแบบ British ShoulderLine กระจังหน้าเอกลักษณ์เฉพาะของเอ็มจีแบบ Stellar Magnetic Field ไฟหน้า LED Projector พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติรวมถึงไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) ไฟท้าย LED Space Light Field ไฟเลี้ยวแบบSequential แสดงผลแบบไล่ระดับ และล้ออัลลอยด์ ดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารตกแต่ง ด้วยสี Two-Tone Monaco Blue เลือกใช้วัสดุ Soft Touch เบาะหนังคู่หน้าแบบ Sport Bucket Seat ตกแต่งด้วยวัสดุ Alcantara เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะนั่ง ผู้โดยสารด้านหน้า ปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา ขนาดใหญ่เกือบ 90% ของพื้นที่ หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ ขนาด 12 นิ้ว และจอควบคุมกลางแบบทัชกรีน ขนาด 10 นิ้ว ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบแยกฝั่ง Dual Zone ระบบกรองอากาศ PM2.5 พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Smart Key พร้อมปุ่ม Push Start และฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า

นอกจากนี้ ยังเพิ่มความเป็นส่วนตัวในห้องโดยสารด้วย NVH Luxury Silence Space เพิ่มฟิล์มกันเสียง และแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร ที่จะช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอก รวมถึงติดตั้งระบบเสียง BOSE 8.1 Sound System พร้อมสร้างบรรยากาศ และสีสันให้กับการขับขี่ด้วย Interactive Ambient Light สามารถปรับเฉดสีได้มากถึง 64 เฉดสี

ขุมพลังเครื่องยนต์ Plug-in Hybrid กำลังสูงสุด 284 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตัน-เมตร โดยมาจากเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร พละกำลัง 162 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor พละกำลัง 122 แรงม้าแรงบิด 230 นิวตัน-เมตร มีโหมดให้เลือกตามไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ ได้แก่ Normal, Eco, EV และ Sport เสริมด้วยปุ่ม Super Sport

โดยตามสเปกแจ้งไว้ว่าสามารถขับด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ได้ไกลสูงสุดถึง 67 กม. และขับด้วยโหมด EV ความเร็วสูงสุด 155 กม./ชม. สำหรับการชาร์จไฟมีให้เลือก 2 แบบ คือ MG Home Charger ใช้เวลา 4 ชม. และ MG Charger Cable ใช้เวลา 5 ชม. ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

    ด้านความปลอดภัยมีระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย (Full Space Frame) และระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System กว่า 25ระบบ โดยแบ่งออกเป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ จำนวน 14 ระบบ และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ หรือระบบช่วยควบคุมการ ขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ จำนวน 11 ระบบ นอกจากนี้ ยังเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิ จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า แบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัย 6 จุด กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ และระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer

     ช่วงการทดสอบผู้เขียนเลือกที่จะใช้โหมด EV เพื่อที่จะต้องการพิสูจน์ว่า ชาร์จไฟเต็ม สามารถไปได้ไกลแค่ไหน โดยเริ่มสตาร์ทจากกรุงเทพฯ มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ จ.นครนายก การขับขี่ในเมืองสภาพการจราจร และเส้นทางปรกติทำได้ดี อัตราเร่งมาแบบรวดเร็วทันใจ ขณะเดียวกัน ระบบกันสะเทือนช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension เสริมด้วยระบบช่วงล่างหน้าแบบ MacPherson Strut และช่วงล่างหลังแบบ Multi-link มาพร้อมเหล็กกันโคลง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ช่วยในการยึดเกาะถนนได้ดี หรือแม้แต่การขับในเส้นทางกึ่งออฟโรด ก็พอได้อยู่ ความเร็วเฉลี่ยที่ผู้เขียนขับ 120 กม./ชม. บางช่วงก็กดคันเร่งทะลุไปกว่า 150 กม./ชม. ระบบเกียร์แบบ EDU II-10Speeds ให้การตอบสนองได้ดีมาก และเมื่อไปถึงอ่างเก็บน้ำ ทรายทอง จ.นครนายก พลังงานไฟฟ้าที่ชาร์จมาก็หมดพอดีด้วยระยะทาง 67 กม. ขากลับหาที่ชาร์จไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรยังมีน้ำมันเต็มถัง ระยะทางที่สามารถขับได้กว่า 450 กม. ขับไปนอนตากลมชมวิว ที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบฯได้สบายๆ นอกจากนี้ ยังมีระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) สามารถชาร์จพลังงานในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative)โดยเลือกระดับการชาร์จพลังงานได้ถึง 3 ระดับ

ในส่วนของระบบ "i-SMART" รุ่นล่าสุด มาพร้อมระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย หรือผ่านหน้าจอทัชสกรีน และแอปพลิเคชั่นบนมือถือ สามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสั่งเปิด-ปิดระบบปรับอากาศ การค้นหาตำแหน่งของรถ และระบบเปิด-ปิดหลังคาซันรูฟ รวมถึงค้นหาจุดที่น่าสนใจ (Point of Interest)ผ่าน Navigator เป็นต้น

โดยสรุปแล้ว "NEW MG HS PHEV"เป็นรถอเนกประสงค์ที่น่าสนใจอีกหนึ่งรุ่น ด้วยสมรรถนะที่โดดเด่น มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 8 ปี และรับประกันคุณภาพตัวรถ 4 ปี หรือ 120,000 กม. ถ้าชอบต้องไปลองขับก่อนตัดสินใจ สำหรับราคาจำหน่าย 1,359,000 บาท