Audi ปรับโฉม Classic NSU Prinz ใหม่! ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า

The NSU Prinz 4 Project จัดทำโดยทีมวิศวกรฝึกหัดของ Audi ได้รับแรงบันดาลใจจากในรุ่น Classic ดัดแปลงเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 240 แรงม้าของ Audi e-Tron และแบตเตอรี่ของ Q7 TSFI eQuattro

Audi Prinz 4 Project
ผู้ร่วมเข้ารับการฝึกอบรมที่ไซต์การผลิต Audi's Neckarsulm Production ในเวอร์ชั่นนี้มีการปรับเปลี่ยนฝากระโปรงหน้าของ NSU Prinz 4 ออกเพื่อรูปลักษณ์ที่ดูโมเดิร์นและให้เข้ากับลุคของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งหลังจากโปรเจกต์นี้ดำเนินไป นี่ถือเป็นหนึ่งในผลงานที่น่าประทับใจที่สุด

Audi History
ก่อนอื่นเลยย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ของ Audi ซักเล็กน้อย ซึ่ง Audi เคยเป็นที่รู้จักในชื่อ Auto Union และไซต์การผลิต Neckarsulm ที่ดำเนินการในปัจจุบันเป็นของ NSU หนึ่งในผู้ผลิตรถจักรยานยนต์และรถยนต์ ในปี พ.ศ. 2512 ต่อมา Volkswagen ได้เข้ามามีบทบาท และรวม NSU เข้ากับ Auto Union เพื่อสร้าง Audi ซึ่งก่อนหน้านี้ NSU ได้มีการสร้างรถยนต์ Two-Door ที่รู้จักกันในชื่อ Prinz 4 ซึ่งจะนำมาใช้เป็น Main หลัก สำหรับโครงการนี้ เพื่อฉลองครบรอบ 105 ปี ของโรงงาน

Audi Prinz 4 Electric Power
เริ่มจากการปรับระบบส่งกำลัง จากเดิมที่เคยใช้เครื่องยนต์ 2 สูบ 30 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง เปลี่ยนมาเป็นพลังงานไฟฟ้า 240 แรงม้าจาก Audi e-Tron และใช้ชุดแบตเตอรี่แบบเดียวกันกับ Audi Q7 TFSI eQuattro ติดตั้งที่เดิมบริเวณใต้ฝากระโปรงที่เคยติดตั้งเครื่องยนต์ไว้

ซึ่งการเปลี่ยนแปลงไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ฐานของรถเป็นแผ่นพื้นดัดแปลงจาก Audi A1 ขณะที่ตัวถังดัดแปลงโดยการ Widened Body ให้มีขนาดกว้างขึ้น แต่ยังคงรักษาการดีไซน์แนวโครงหลังคาที่คงความโดดเด่นของรุ่นเดิมไว้ ส่วนที่เหลือนั้นออกแบบภายใต้ 21st Century Concept

ชุดบังโคลนตกแต่งแบบ 3 มิติ เพื่อดึงดูดสายตา เช่นเดียวกับล้อแอโร่ดิสก์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขันแรลลี่ มาพร้อมกับยางหน้ากว้าง ภายนอกผสมผสานสีระหว่าง Suzuka Grey และ Brilliant Black

แต่ Audi ไม่ได้มีการเปิดเผยภาพ Interior ของ Prinz 4 ได้แค่บอกดีเทลไว้ว่า ภายในตกแต่ด้วยสี Signal Yellow และที่นั่งบัคเก็ตซีทแบบ Recaro Podium หนึ่งคู่ นอกจากนี้ยังติดตั้งหน้าจอแสดงผลแบบ Single Display เดี่ยวๆ ในการอ่านผลมาตรวัดต่างๆ

โดยทาง Audi เผยว่า "โครงการนี้เปิดโอกาสให้ผู้ฝึกงานของเราทำงานได้อย่างอิสระ โดยใช้เทคนิคและวัสดุต่างๆ ตัวอย่างเช่น ไดร์ฟไฟฟ้า แท่นพิมพ์คาร์บอนไฟเบอร์ 3 มิติ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่คุ้นเคยจากมอเตอร์สปอร์ต ถูกนำมาใช้สำหรับการดีไซน์ฝากระโปรงหน้าด้วย" คุณ Timo Engler หัวหน้าฝ่ายฝึกอบรมเทคโนโลยียานยนต์ / โลจิสติกส์ ของ Audi กล่าว

เครดิตแหล่งข้อมูล : autospinn