อยาก ต่อประกันรถยนต์ แบบง่าย ๆ จ่ายเบี้ยน้อย ต้องทำอย่างไร
ทั้งประกันภาคบังคับและสมัครใจเมื่อถึงกำหนดเวลาก็ต้อง ต่อประกันรถยนต์ ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าการ ต่อประกันรถยนต์ นั้นมีหลายขั้นตอน ยุ่งยาก แถมยังเป็นภาระค่าใช้จ่าย จึงเลือกที่จะทำแค่ พ.ร.บ. ภาคบังคับ และปฏิเสธการทำประกันภาคสมัครใจเพื่อลดภาระเหล่านั้นลง ซึ่งการตัดสินใจเช่นนี้จะส่งผลเสียมากกว่าผลดี เพราะอุบัติเหตุเป็นเรื่องที่คาดไม่ได้และคุณอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับอุบัติเหตุนั้นมากกว่าที่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันในวันนี้ก็เป็นได้ และเพื่อให้การทำประกันนั้นเป็นไปอย่างคุ้มค่ามากที่สุด ในบทความนี้จึงทำการรวบรวมเคล็ดลับขั้นตอนการต่อประกันที่ไม่ยุ่งยากและวิธีลดเบี้ยประกันเพื่อแสดงให้เห็นว่าการ ต่อประกันรถยนต์ เป็นเรื่องง่ายมากกว่าที่คุณคิด
ขั้นตอนการต่อประกัน
1. เลือกวิธีการ ต่อประกันรถยนต์ ที่ใช่ในปัจจุบันการต่อประกันสามารถทำได้หลัก ๆ 3 ช่องทาง ได้แก่ การต่อประกันที่บริษัทประกัน การทำธุรกรรมผ่านตัวแทนของบริษัท และสุดท้ายคือทำด้วยตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์ สำหรับการไปทำเองที่บริษัท จะแน่ใจได้อย่างแน่นอนว่าจะได้ตรวจดูเอกสาร พิจารณาและพูดคุยกับเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่ข้อเสียคือบางคนอาจจะไม่มีเวลาเดินทางไปบริษัทประกันด้วยตัวเอง จึงทำให้ไม่ได้ไปต่อประกันสักทีนั่นเอง ในขณะที่การต่อประกันผ่านตัวแทนในบางครั้งถ้าตัวแทนนั้นไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องจริง ๆ เราอาจจะเสียผลประโยชน์จากการต่อประกันครั้งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความเสี่ยงเรื่องของมิจฉาชีพอีกด้วย แล้วทางเลือกสุดท้ายก็คือการทำธุรกรรมผ่านทางออนไลน์ที่สามารถทำด้วยตนเองได้ แต่หากมีข้อสงสัยก็สามารถสอบถามเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ของบริษัททางออนไลน์ได้เช่นกัน
2. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
เตรียมสำเนาเอกสารที่ต้องใช้ในการต่อกรมธรรม์ประกันภัยให้พร้อม และยื่นเอกสารเหล่านั้นให้เจ้าหน้าที่หรือตัวแทนของบริษัทประกัน หรือเลือกช่องทางออนไลน์ด้วยการส่งไฟล์รูปหรือสแกนเอกสารและส่งผ่านทางออนไลน์ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายเช่นกัน ซึ่งเอกสารที่ต้องใช้ในการทำธุรกรรมได้แก่
- บัตรประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทางของเจ้าของรถ
- คู่มือรถยนต์หน้าปัจจุบัน
- ใบขับขี่ของผู้ที่ระบุชื่อในกรมธรรม์
- กรมธรรม์เดิม
3. กรอกเอกสารและตรวจสอบข้อมูล
หลังจากยื่นหรือส่งเอกสารทางออนไลน์เอกสารแล้วก็ทำการกรอกเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลและรายละเอียดและตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดของกรมธรรม์ที่คุณเลือกแล้วทำการยืนยันเอกสาร
4. รับเอกสารกรมธรรม์ตัวจริง
เมื่อทำการกรอกเอกสารและยืนยันเอกสารเรียบร้อยก็รอรับกรมธรรม์ตัวจริงไว้ใช้เมื่อต้องการเคลมประกัน
เมื่อเข้าใจวิธีการต่อประกันครบทุกขั้นตอนแล้วจะเห็นว่าไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด และยิ่งการเลือกใช้บริการทางออนไลน์ก็จะช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางไปทำธุรกรรมที่บริษัท และลดความเสี่ยงจากการเจอตัวแทนประกันที่เป็นมิจฉาชีพ โดยควรเลือกบริษัทประกันที่น่าเชื่อถือ เช่น DirectAsia ซึ่งเป็นบริษัทประกันที่ให้บริการเรื่องประกันรถยนต์ออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ พร้อมกับประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมทุกเงื่อนไขที่ผู้ใช้รถจะต้องถูกใจ โดยสามารถอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันรถยนต์ได้ที่ https://www.directasia.co.th
นอกจากเรื่องขั้นตอนการต่อประกันแล้ว คำถามต่อมาที่หลายคนกังวลก็คือทำอย่างไรจึงจะประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องเบี้ยประกันได้มากขึ้นและมีเงื่อนไขอะไรบ้างที่จะต้องใส่ใจการลดเบี้ยประกัน
1. เลือกชนิดของประกันให้เหมาะกับตัวเองประกันรถยนต์มีหลายประเภท ทั้ง ประกันชั้น 1 ที่เน้นการคุ้มครองที่ครอบคลุมทุกด้านไม่มีกรณียกเว้นที่ไม่คุ้มครองเหมือนประกันชั้นอื่น ๆ แต่ก็จะมาพร้อมเบี้ยประกันที่ราคาแพงกว่าประกันชั้นอื่น ๆ เช่นกัน ประกันชั้น 1จึงเหมาะกับคนที่ใช้รถใหม่ที่อาจะเกิดเหตุเรื่องการสูญหายได้ เป็นต้น ในขณะที่ประกันชั้นอื่น ๆ ที่รองลงมา เช่น ประกันชั้น 2หรือประกันชั้น 3 ที่จะมีเหตุยกเว้นบางอย่าง เช่น รถหาย ภัยธรรมชาติหรือไฟไหม้เป็นต้น ถ้ามั่นใจว่าผู้ทำประกันไม่มีความเสี่ยงกรณีดังกล่าวก็สามารถเลือก ประกันชั้น 2เพื่อประหยัดค่าเบี้ยประกันได้
2. ระบุชื่อผู้ขับขี่เพื่อลดเบี้ยประกัน
ประกันบางประเภทจะสามารถคุ้มครองโดยไม่จำกัดจำนวนผู้ขับขี่ ไม่ว่าใครจะขับแต่ใช้รถที่ทำประกันก็สามารถขอเคลมประกันได้ แต่ประกันประเภทนี้บริษัทประกันจะเก็บเบี้ยประกันที่ราคาสูงขึ้น แต่ถ้าหากรถที่ต้องการทำประกันมีผู้ใช้งานแค่คนเดียวก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ จึงสามารถเลือกระบุชื่อผู้ขับขี่เพื่อลดเบี้ยประกันลงได้
3. ขับขี่ดีมีส่วนลด
ต่อมาคือผลประโยชน์ที่บริษัทประกันมอบให้ผู้ที่มีพฤติกรรมขับขี่รถยนต์ดีและไม่เคยเคลมประกันมาก่อน โดยจะได้รับส่วยลดเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายในปีต่อ ๆ มาได้ ยิ่งรักษาพฤติกรรมการขับขี่ที่ดีไว้ได้นาน ส่วนลดก็จะมากขึ้นทุกปีนั่นเอง
4. เลือกจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกด้วยตัวเอง
สุดท้ายก็คือการกำหนดค่าเสียหายส่วนแรก โดยเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของรถจะเป็นผู้จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นด้วยตนเอง ในกรณีที่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่รุนแรง เช่น กำหนดค่าเสียหายส่วนแรกไว้ 5,000 บาท เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นและค่าเสียหายไม่มากกว่า 5,000 บาท เจ้าของรถจะต้องเป็นผู้จ่ายด้วยตนเอง แต่ถ้าค่าเสียหายเกิน 5,000 บาท บริษัทประกันถึงจะเข้ามามีบทบาทในการให้เคลมค่าเสียหาย โดยวิธีจะสามารถลดค่าเบี้ยประกันได้ถึงหลักพันเลยทีเดียว เมื่อคำนวณค่าส่วนลดที่หักลบไปก็นับว่าคุ้มค่า ถ้าเรามั่นใจว่าเรามีพฤติกรรมการขับรถที่ดีและไม่ค่อยมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยก็สามารถเลือกวิธีนี้ได้
โดยเงื่อนไขส่วนลดที่น่าสนใจเหล่านี้ผู้ใช้รถทุกคนสามารถนำไปเป็นข้อมูลในการต่อประกันและสอบถามส่วนลดค่าประกันได้อย่างแน่นอน ซึ่งจะช่วยให้การต่อประกันรถยนต์ไม่ยุ่งยากและสับสนอีกต่อไป และหากอยากได้ข้อมูลประกันรถยนต์แต่ละประเภทเพิ่มเติมและสนใจใช้บริการประกันรถยนต์ออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ DirectAsia เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับการยอมรับในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยสามารถหาข้อมูลและพูดคุยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานได้ที่ https://www.directasia.co.th/