มือใหม่ต้องรู้! ต่อประกันรถยนต์ครั้งแรกเลือกทำประกันประเภทไหนดี

     การทำประกันภัยรถยนต์นับว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนมีรถทุกคนเพราะตามกฎหมายแล้วบังคับให้ผู้ใช้รถทุกคันต้องทำประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 หรือประกันภัย พรบ ซึ่งเป็นประกันภัยภาคบังคับที่ให้ยานพาหนะทางบกทุกประเภทที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกต้องทำไว้เพื่อบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดอุบัติเหตุ โดยไม่คำนึงว่าบุคคลที่ได้รับผลจากอุบัติเหตุจะเป็นฝ่ายผิดหรือไม่ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บให้ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงทีและเป็นหลักประกันให้โรงพยาบาลว่าจะได้รับค่ารักษา ส่วนในกรณีเสียชีวิตจะได้รับเงินชดเชยเป็นค่าทำศพเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของครอบครัว ซึ่งหากฝ่าฝืนไม่ทำประกันภัย พรบจะมีกำหนดโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

นอกจากประกันภัยภาคบังคับแล้วยังมีประกันอีกแบบคือ‘ประกันภัยภาคสมัครใจ' ที่แม้ว่าจะไม่ได้บังคับและไม่มีกำหนดโทษตามกฎหมาย แต่เจ้าของรถส่วนใหญ่มักจะทำประกันภัยชนิดนี้ด้วยเนื่องจากประกันภัยภาคสมัครใจให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งคนและรถ รวมถึงยังมีวงเงินคุ้มครองและสิทธิพิเศษต่าง ๆ มากกว่าประกันภัย พรบแต่ทั้งนี้การคุ้มครองต่าง ๆ นั้นจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและประเภทของประกันภัย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประกันภัยภาคสมัครใจนั้นมีหลายประเภทตามความต้องการของผู้ใช้รถและความเหมาะสมของ

รถยนต์ ดังนั้นก่อนต่อประกันภัยภาคสมัครใจครั้งแรกควรศึกษาก่อนว่าประกันภัยแต่ละประเภทคืออะไร ให้ความคุ้มครองอย่างไรและเหมาะสำหรับรถยนต์ประเภทไหนบ้าง

     ประกันภัยภาคสมัครใจประเภทแรกคือ ประกันชั้น 1 ถือได้ว่าเป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมในทุกกรณีให้กับผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และคู่กรณี ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลกรณีบาดเจ็บ เงินชดเชยกรณีเสียชีวิต สูญเสียมือ เท้าและการมองเห็น รวมทั้งยังรับผิดชอบต่อรถยนต์ที่เสียหายนอกจากนั้นยังให้ความคุ้มครองในกรณีไฟไหม้ รถหายจากการโจรกรรมและภัยพิบัติตามธรรมชาติอีกด้วยโดยทั่วไปราคาเบี้ยประกันจะมีราคาประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและทุนประกันภัยของแต่ละบริษัท อายุรถ ขนาดของเครื่องยนต์และประวัติการเกิดอุบัติเหตุ สำหรับประกันภัยรถยนต์ประเภทนี้เหมาะสำหรับรถใหม่ป้ายแดง รถยนต์ใช้งานหนักใช้งานทุกวันและมือใหม่หัดขับรถที่ยังขับรถไม่ชำนาญ แต่ส่วนใหญ่มักมีข้อจำกัดว่าต้องเป็นรถยนต์ที่มีอายุไม่เกิน 7 ปีเท่านั้น แต่ในปัจจุบันได้มีบริษัทประกันภัยบางแห่งอนุญาตให้รถยนต์อายุไม่เกิน 10 ปี ต่อประกันรถยนต์ประเภทนี้ได้

    ประกันภัยประเภทที่ 2 คือประกันชั้น 2+ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วจะมีความคุ้มครองใกล้เคียงกับ ประกันชั้น 1 แต่ให้ความคุ้มครองมากกว่า ประกันภัยชั้น2 โดยคุ้มครองทั้งในส่วนของค่ารักษาพยาบาล เงินชดเชยและค่าเสียหายของรถยนต์ให้กับผู้ขับขี่ ผู้โดยสารและคู่กรณีด้วย เพียงแต่มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นความเสียหายจากอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีเป็นพาหนะทางบกหรือรถชนรถเท่านั้น แต่ทั้งนี้ประกันภัยชนิดนี้ยังคุ้มครองในกรณีรถหาย ไฟไหม้ และประสบภัยพิบัติตามธรรมชาติ สำหรับรถที่เหมาะกับประกันภัยประเภทนี้ ได้แก่ รถที่อยากได้รับความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันภัยชั้น 1 แต่ติดเงื่อนไขเรื่องอายุเกินเกณฑ์ที่บริษัทประกันภัยกำหนดหรืออยากจ่ายวงเงินประกันในจำนวนที่น้อยกว่า

     ประกันภัยประเภทที่3 คือ ประกันชั้น 2 ประกันภัยประเภทนี้จะมีความคุ้มครองใกล้เคียงกับ ประกันชั้น 1 และประกันชั้น 2+ ในบางส่วน ได้แก่ กรณีรถหาย ไฟไหม้ ความรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลค่าชดเชยในกรณีเสียชีวิตและสูญเสียมือ เท้าและความสามารถในการมองเห็นของผู้ขับขี่ คู่กรณีและผู้โดยสาร แต่ความแตกต่างอยู่ตรงที่ประกันชั้น 2จะคุ้มครองความเสียหายเฉพาะรถยนต์ของคู่กรณีเท่านั้น โดยจะไม่รับผิดชอบรถของผู้ขับขี่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจากการคุ้มครองที่ไม่ครอบคลุมทำให้ในปัจจุบันหลายคนไม่นิยม ต่อประกันรถยนต์ประเภทนี้มากนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังถือว่า ประกันชั้น 2เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับรถที่มีอายุเกินเกณฑ์แต่ไม่เกิน 15 ปี ที่มีการใช้งานไม่บ่อยนักทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุน้อย

      ประกันภัยประเภทที่4 คือ ประกันชั้น 3+ประกันภัยประเภทนี้จะมีความคุ้มครองต่าง ๆ ต่อผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และคู่กรณีใกล้เคียงกับประกัน 2+ แต่จะไม่คุ้มครองในกรณีรถหาย ไฟไหม้ และประสบเหตุภัยพิบัติตามธรรมชาติ จึงเป็นประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสำหรับรถเก่าเกิน 7 ปีที่มีการใช้งานประจำ แต่ไม่มีความเสี่ยงต่อกรณีรถหาย ไฟไหม้ เหตุการณ์ภัยพิบัติตามธรรมชาติ เช่น รถไม่ติดแก๊ส ที่อยู่อาศัยมีระบบรักษาความปลอดภัยสูง หรือไม่อยู่ในเขตพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดภัยพิบัติอย่างน้ำท่วมหรือแผ่นดินไหว เป็นต้น

     ประกันภัยประเภทที่ 5 คือ ประกันชั้น3 ซึ่ง ต่อประกันรถยนต์ได้ทั้งรถส่วนบุคคลและรถเพื่อการพาณิชย์อย่างเช่น รถแท็กซี่ รถโดยสารประจำทาง เป็นต้น โดยจะให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยให้กับผู้ขับขี่ ผู้โดยสารและคู่กรณี แต่จะไม่คุ้มครองรถยนต์ของผู้ขับขี่ รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากกรณีรถสูญหาย ไฟไหม้และภัยพิบัติตามธรรมชาติด้วย เพราะฉะนั้นประกันประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้รถเก่าเกินกว่าเกณฑ์มาก ๆ หรือรถเพื่อการพาณิชย์ที่ไม่สามารถทำประกันประเภทอื่นได้

      จะเห็นได้ว่าประกันภัยภาคสมัครใจนั้นมีด้วยกันหลายประเภท โดยแต่ละประเภทนั้นจะให้ความคุ้มครองครอบคลุมแตกต่างกันไปแต่ทั้งนี้วงเงินประกันภัยนั้นจะขึ้นอยู่กับทุนประกันภัยและเงื่อนไขของบริษัทประกันภัยเป็นผู้กำหนด ดังนั้นหากเป็นรถใหม่ป้ายแดงหรือมีอายุในเกณฑ์ไม่เกิน 10 ปี แนะนำให้มือใหม่เลือกต่อประกันรถยนต์ ประเภท ประกันชั้น 1 เพราะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่าประเภทอื่น ช่วยให้อุ่นใจได้ทุกครั้งที่ขับรถออกจากบ้าน

      ส่วนใครที่กำลังสนใจอยากทำประกันภัยภาคสมัครใจ แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกทำประเภทไหนดีหรือยังอยากได้รายละเอียดข้อมูลและคำปรึกษาเกี่ยวกับประกันภัยภาคสมัครใจที่ละเอียดมากขึ้นสามารถมาเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ที่นี่ พร้อมรับคำปรึกษาเกี่ยวกับประกันภัยภาคสมัครใจจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรงได้เลยทันที