ควรเติมลมยางรถยนต์กี่ปอนด์ดี?
ลมยางรถยนต์ หรือความแข็ง-อ่อน มีผลต่อการขับขี่มากๆ ส่งผลทั้งความประหยัด การเกาะถนน ความนุ่มนวล การสึกหรอและประสิทธิภาพสูงสุดของยาง การเติมลมยางให้เหมาะสมจึงเป็นเรื่องจำเป็น วิธีง่ายๆ ที่สุดก็อาจขับเข้าปั๊มน้ำมันแล้วไหว้วานพนักงานบริการให้ช่วยเติมและบอกแรงดันตามที่เราต้องการ ยกเว้นว่าจำเป็นต้องเติมลมยางเอง และอาจมีเครื่องวัดลมยางติดรถไว้เช็คแรงดันว่าอ่อน-แข็งไปหรือเปล่า แต่ว่า...ควรเติมเท่าไหร่ดี ต้องเติมกี่ปอนด์? (หน่วยแรงดันลมยางวัดเป็น-ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) มาหาคำตอบกันเลยครับ
รถที่ใช้ล้อเดิมสเปคโรงงาน
รถยนต์ที่ใช้ล้อขนาดเดิมจากโรงงานสามารถตรวจเช็คค่าความแข็งของแรงดันลมยางได้ที่แผ่นโลหะที่ติดอยู่บริเวณข้างประตู ซึ่งจะบอกรายละเอียดของแรงดันลมยางเอาไว้ และให้เติมลมตามที่ผู้ผลิตกำหนด หรืออาจเติมเผื่อจากสเปคประมาณ 1-2 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ในกรณีที่ไม่ค่อยมีเวลาตรวจเช็คลมยางบ่อยๆ
รถยนต์ที่เปลี่ยนขนาดล้อมาใหม่
สำหรับรถยนต์ที่เปลี่ยนขนาดล้อมาใหม่แตกต่างจากขนาดเดิม หรืออาจจะเปลี่ยนแต่ขนาดของยางและคงใช้ล้อเดิมๆ ก็มีวิธีง่ายๆ ในการเติมลมดังนี้ครับ
ล้อขนาด 15 นิ้ว
ถ้าตัวเลขของความสูงแก้มยางและความกว้างใกล้เคียงกันก็สามารถเติมเท่ากับสเปคโรงงานได้เลยครับ เช่น เดิม 185/60R15 เปลี่ยนเป็น 195/50R15 หรือ 205/50R15 ใช้เสปคเดิมได้เลยครับ โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 28-32 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว)
รถยนต์ที่ใช้ล้อขนาดเดิมจากโรงงานสามารถตรวจเช็คค่าความแข็งของแรงดันลมยางได้ที่แผ่นโลหะที่ติดอยู่บริเวณข้างประตู ซึ่งจะบอกรายละเอียดของแรงดันลมยางเอาไว้ และให้เติมลมตามที่ผู้ผลิตกำหนด หรืออาจเติมเผื่อจากสเปคประมาณ 1-2 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ในกรณีที่ไม่ค่อยมีเวลาตรวจเช็คลมยางบ่อยๆ
รถยนต์ที่เปลี่ยนขนาดล้อมาใหม่
สำหรับรถยนต์ที่เปลี่ยนขนาดล้อมาใหม่แตกต่างจากขนาดเดิม หรืออาจจะเปลี่ยนแต่ขนาดของยางและคงใช้ล้อเดิมๆ ก็มีวิธีง่ายๆ ในการเติมลมดังนี้ครับ
ล้อขนาด 15 นิ้ว
ถ้าตัวเลขของความสูงแก้มยางและความกว้างใกล้เคียงกันก็สามารถเติมเท่ากับสเปคโรงงานได้เลยครับ เช่น เดิม 185/60R15 เปลี่ยนเป็น 195/50R15 หรือ 205/50R15 ใช้เสปคเดิมได้เลยครับ โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 28-32 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว)
ล้อขนาด 16 - 18 นิ้ว
ยางขนาดใหญ่ขึ้นมักจะอยู่ในรถยนต์ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ให้ใช้ลมยางเพิ่มจากสเปคเดิมของผู้ผลิตเล็กน้อยสัก 2-5 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) เช่น เดิม 32 PSI ให้เพิ่มเป็น 36 PSI เป็นต้น
กรณีรถยนต์ขนาดเล็กแต่ใส่ล้อโต แนะนำว่าให้เพิ่มจากสเปคผู้ผลิตประมาณ 2-4 PSI เพราะถ้าเติมมากเกินไปจะเกิดความกระด้างและผิวสัมผัสหน้ายางอาจสึกหรอไม่เท่ากัน (หน้ายางส่วนกลางสึกหรอ) หรืออ่อนไป (หน้ายางส่วนข้างสึกหรอ)
ล้อขนาด 18 นิ้วขึ้นไป
ให้ดูว่าใส่กับขนาดใด และต้องการความนุ่มหรือแข็ง แล้วจึงเติมเพิ่มตามความเหมาะสมจากสเปคเดิม เช่น รถขนาดเล็กเดิมใช้เพียง 28 PSI เปลี่ยนยางขนาด 19 นิ้ว ให้เติมเป็น 33-35 PSI เป็นต้น หรือดูจากตัวเลขที่ระบุตรงแก้มยางก็ย่อมได้
รถปิคอัพ
ถ้าเป็นขนาดเดิมจากโรงงานผู้ผลิตให้ยึดตามสเปคเดิมเป็นหลักครับ ส่วนกรณีเปลี่ยนล้อขนาดใหญ่ขึ้นให้บวกแรงดันลมยางเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 5-6 PSI (โดยประมาณ) ตามชนิดของยางที่ใช้ เช่น ยางที่ใช้ทางเรียบปกติก็ให้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 3-5 PSI หรือยางสำหรับลุยทาง Off-Road ให้เพิ่มประมาณ 5-6 PSI หรือมากกว่านั้นถ้ามีขนาดความกว้างของยางเพิ่มมากขึ้นด้วย หรืออาจดูคู่มือ และร้านยางที่รับบริการให้ตรวจเช็จค่าที่ถูกต้องและให้ใช้ตามนั้นทุกครั้งไป สำหรับรถที่ใช้งานบรรทุกหนัก นอกจากต้องใช้ยางเพื่อทนต่อการรับน้ำหนักแล้ว ควรดูคู่มือหรือสเปคที่แก้มยางประกอบด้วย
ยางรุ่นนี้เติมได้สูงสุด 50 PSI ขณะอุณหภูมิปกติ
ยางรถยนต์ที่มีสมรรถนะดี เทคโนโลยีสูงส่งเพียงใด แต่ถ้าละเลยหรือใช้งานไม่ถูกต้องตามประเภท, สเปค หรือใช้เกินขอบเขต ก็อาจไม่เกิดประโยชน์ตามที่เราจ่ายเงินซื้อ และแรงดันลมยางก็เช่นกันถ้าอ่อนไปก็กินหน้ายางด้านนอก แข็งไปก็กินหน้ายางตรงกลาง และเมื่อหน้าสัมผัสไม่เติมถนนก็ยึดเกาะได้น้อยลง และยังส่งผลให้กินน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอีกด้วย และถ้ายางเริ่มเสื่อมสภาพควรรีบเปลี่ยนให้เร็วที่สุดครับ เพราะอาจจะแตก, รั่ว หรือระเบิดเมื่อไหร่ก็ได้
"ใส่ใจเรื่องลมยางสักนิด ชีวิตจะปลอดภัยมากขึ้นครับ"
Cr::checkraka.com
ยางขนาดใหญ่ขึ้นมักจะอยู่ในรถยนต์ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ให้ใช้ลมยางเพิ่มจากสเปคเดิมของผู้ผลิตเล็กน้อยสัก 2-5 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) เช่น เดิม 32 PSI ให้เพิ่มเป็น 36 PSI เป็นต้น
กรณีรถยนต์ขนาดเล็กแต่ใส่ล้อโต แนะนำว่าให้เพิ่มจากสเปคผู้ผลิตประมาณ 2-4 PSI เพราะถ้าเติมมากเกินไปจะเกิดความกระด้างและผิวสัมผัสหน้ายางอาจสึกหรอไม่เท่ากัน (หน้ายางส่วนกลางสึกหรอ) หรืออ่อนไป (หน้ายางส่วนข้างสึกหรอ)
ล้อขนาด 18 นิ้วขึ้นไป
ให้ดูว่าใส่กับขนาดใด และต้องการความนุ่มหรือแข็ง แล้วจึงเติมเพิ่มตามความเหมาะสมจากสเปคเดิม เช่น รถขนาดเล็กเดิมใช้เพียง 28 PSI เปลี่ยนยางขนาด 19 นิ้ว ให้เติมเป็น 33-35 PSI เป็นต้น หรือดูจากตัวเลขที่ระบุตรงแก้มยางก็ย่อมได้
รถปิคอัพ
ถ้าเป็นขนาดเดิมจากโรงงานผู้ผลิตให้ยึดตามสเปคเดิมเป็นหลักครับ ส่วนกรณีเปลี่ยนล้อขนาดใหญ่ขึ้นให้บวกแรงดันลมยางเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 5-6 PSI (โดยประมาณ) ตามชนิดของยางที่ใช้ เช่น ยางที่ใช้ทางเรียบปกติก็ให้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 3-5 PSI หรือยางสำหรับลุยทาง Off-Road ให้เพิ่มประมาณ 5-6 PSI หรือมากกว่านั้นถ้ามีขนาดความกว้างของยางเพิ่มมากขึ้นด้วย หรืออาจดูคู่มือ และร้านยางที่รับบริการให้ตรวจเช็จค่าที่ถูกต้องและให้ใช้ตามนั้นทุกครั้งไป สำหรับรถที่ใช้งานบรรทุกหนัก นอกจากต้องใช้ยางเพื่อทนต่อการรับน้ำหนักแล้ว ควรดูคู่มือหรือสเปคที่แก้มยางประกอบด้วย
ยางรุ่นนี้เติมได้สูงสุด 50 PSI ขณะอุณหภูมิปกติ
ยางรถยนต์ที่มีสมรรถนะดี เทคโนโลยีสูงส่งเพียงใด แต่ถ้าละเลยหรือใช้งานไม่ถูกต้องตามประเภท, สเปค หรือใช้เกินขอบเขต ก็อาจไม่เกิดประโยชน์ตามที่เราจ่ายเงินซื้อ และแรงดันลมยางก็เช่นกันถ้าอ่อนไปก็กินหน้ายางด้านนอก แข็งไปก็กินหน้ายางตรงกลาง และเมื่อหน้าสัมผัสไม่เติมถนนก็ยึดเกาะได้น้อยลง และยังส่งผลให้กินน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอีกด้วย และถ้ายางเริ่มเสื่อมสภาพควรรีบเปลี่ยนให้เร็วที่สุดครับ เพราะอาจจะแตก, รั่ว หรือระเบิดเมื่อไหร่ก็ได้
"ใส่ใจเรื่องลมยางสักนิด ชีวิตจะปลอดภัยมากขึ้นครับ"
Cr::checkraka.com
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!