ขับรถยนต์ไฟฟ้าหน้าฝน ทำไงให้ปลอดภัย
รถยนต์ไฟฟ้าเป็นระบบที่มีหลักการทำงานแตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป ผู้ขับขี่ หรือผู้ใช้งานจะต้องทราบถึงระบบการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งสิ่งที่จะต้องคำนึงถึงในการซ่อมบำรุงเบื้องต้น โดยเบื้องต้นจะมีแนวทางปฏิบัติในการใช้งานที่มักจะมีความกังวลจากสาธารณะ ได้แก่
วิ่งผ่านน้ำท่วม
ปัญหาน้ำท่วมเป็นอีกสถานการณ์ที่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ากังวล เนื่องจากบางครั้ง คาดเดาได้ยากว่า จะพบสถานการณ์น้ำท่วมเมื่อไร และจะขับผ่านไปได้หรือไม่ โดยไม่เป็นอันตรายกับทั้งผู้ขับขี่และกับตัวรถ ซึ่งการออกแบบและผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั้น เป็ นที่ทราบกันดีว่า ระบบขับเคลื่อน โดยเฉพาะมอเตอร์ จะถูกออกแบบมาให้กันน้ำ กันฝุ่น และในการใช้งานจริง พบว่าระบบการทำงานของรถยนต์ไม่พบปัญหาในกำรขับขี่ต่อเนื่องผ่านน้ำ (อย่างช้าๆ)
ดังนั้น ขอแนะนำโดยทั่วไป คือ รถยนต์ไฟฟ้าสามารถขับผ่านน้ำท่วมได้เหมือน รถที่ใช้น้ำมัน คือวิ่งผ่านน้ำท่วมระดับครึ่งล้ออย่างช้าๆ
เทคโนโลยีใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่เป็นที่คุ้นเคย อีกทั้งระบบการทำงานเกี่ยวข้องกับ แรงดันไฟฟ้าที่สูง ส่งผลให้ประจุไฟขณะฝนตกเป็นเรื่องที่หลายคนกังวล แต่โดยการออกแบบแล้ว มาตรฐานแท่นประจุถูกออกแบบมาให้ทำงานได้ทั้งกับฝน และหิมะโดยไม่ต้องมีระบบป้องกันหรือที่ครอบเป็นพิเศษ จะสังเกตได้ว่า ที่หัวประจุ Socket มีการออกแบบให้มีช่องระบายน้ำ ในขณะที่แป้นประจุที่ตัวรถ ก็จะมีช่องระบายน้ำเช่นเดียวกัน โดยออกแบบเพื่อรองรับ กรณีฝนตกน้ำขังที่ เต้ารับน้ำจึงไม่ขังอยู่ในบริเวณที่หัวประจุ โดยหัวประจุจะยึดประกบเข้ากับแป้นประจุตามนอกจากนั้นแล้ว ในการเสียบเข้ายึดประกบกัน ไฟฟ้าจะยังไม่จ่ายในทันที เมื่อยึดประกบกัน ซีล กันน้ำมี IP Rating ที่ 54 : ป้องกันฝุ่นและน้ำส่ดจากรอบด้าน จะป้องกันน้ำฝนที่จะเข้าไปโดนขั้วไฟฟ้า
เพิ่มเติม อุปกรณ์สำคัญคือ Ground Fault Interrupter (GFI) โดยอุปกรณ์นี้ จะคอยตรวจจับกระแสไฟฟ้า ในวงจรในการไหลไป หากการไหลกลับมีการสูญเสียไปของกระแสไฟฟ้า GFI จะตัดกำลังไฟฟ้าสู่วงจรนั้นทันที และเมื่อไม่พบการรั่วไหลของกระแสการจ่ายไฟฟ้าเพื่อประจุจึงเกิดขึ้นได้
ฝนตกชาร์จไฟรถได้ไหม
ชาร์จได้ เพราะตัวที่ชาร์จออกแบบมาให้สามารถชาร์จได้ตอนฝนตก ตัวแท่นชาร์จมีการติดตั้งระบบสายดินรวมถึงการถ่ายเทน้ำเพื่อไม่ให้มีน้ำขังอีกด้วย หรือแม้กระทั่งตัวรถยนต์ EV เองก็มีระบบที่จะตรวจจับการลัดวงจร หากมีการลัดวงจรระบบก็จะตัดอัตโนมัติ
ขับรถยนต์ไฟฟ้าหน้าฝน ทำไงให้ปลอดภัย
1. ลดความเร็วรถลง
การชะลอความเร็วรถเมื่อขับลุยน้ำท่วมโดยใช้ความเร็วอยู่ที่ 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะได้หลีกเลี่ยงคลื่นน้ำที่เข้ามาปะทะใต้ท้องรถ ทั้งยังช่วยทำให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น
2. รักษาระยะห่างกับรถคันหน้า
แม้เราจะชะลอความเร็วลง ขณะที่ขับรถผ่านน้ำท่วม น้ำขัง แต่เพื่อความปลอดภัย ควรรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าให้มาก ๆ เพื่อป้องกันรถชนท้าย เพราะรถคันหน้าเบรคกะทันหัน
3. ไม่ควรขับลุย ถ้าน้ำท่วมสูงมาก
ถ้าเห็นว่า ถนนหรือซอยไหนมีระดับน้ำสูงเกินครึ่งล้อหรือสูงกว่าประตูรถ แนะนำให้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว การขับรถลุยน้ำอาจส่งผลเสียต่อรถได้ เพราะไม่รู้ว่า ถนนที่จะไปนั้น มีหลุมหรือสิ่งกีดขวางที่เป็นอันตรายต่อระบบช่วงล่างของรถหรือไม่
4. ปิดแอร์
สาเหตุรถดับส่วนใหญ่เกิดจากการเปิดแอร์แล้วขับลุยน้ำ เพราะเวลาเปิดแอร์ พัดลมจะทำงาน ใบพัดจะพัดให้น้ำกระจายเข้าไปยังชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบรถยนต์ไฟฟ้า แล้วทำให้เครื่องยนต์ดับ
5. เมื่อถึงจุดหมาย อย่าเพิ่งดับรถทันที
การไม่ดับรถ เมื่อถึงปลายทาง เพื่อเป็นการไล่น้ำออก และตรวจสอบสัญญาณเตือนต่างๆที่หน้าจอ
เครดิตแหล่งข้อมูล : autospinn