เครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO4 สูบให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตรที่ 2,000 รอบ/นาที อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 18.9 กม./ลิตร (รุ่น 2WD)ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 141 กรัม/กม. (รุ่น 2WD)
ส่วนเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบให้กำลัง 173 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 224 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ใช้เชื้อเพลิงได้ถึง E85
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอีกสิ่งหนึ่งคือ ซีอาร์-วี เลือกทำตลาดรุ่นเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง จากที่ก่อนหน้านี้จะทำตลาดเฉพาะรุ่น เบาะนั่ง 2 แถว 5 ที่นั่งเท่านั้น และแน่นอนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ฮอนด้าก็ติดตั้งระบบปรัคบอากาศสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 มาให้ด้วย
ในด้านของตัวรถ มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดให้สปอร์ต แข็งแกร่ง และหรูหรามากขึ้น โดยไฟหน้าและไฟท้ายใหม่ แบบ LED พร้อมกับไฟ Daytime Running Light กระจังหน้าแบบพรีเมียมมีเส้นสายที่เฉียบคม ล้ออัลลอยใหม่ แบบสปอร์ต
ภายใน แผงคอนโซลหน้าขนาดใหญ่ที่ตกแต่งด้วยเส้นสายลายไม้และวัสดุสี Piano Black เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ i-Dual Zone ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT
ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ ควบคุมด้วยไฟฟ้าด้วยระบบแฮนด์ฟรี ควบคุมการเปิด-ปิดด้วยรีโมท และสามารถปรับระดับความสูงของการเปิดฝากระโปรงท้ายได้ตามต้องการ และเบาะนั่งที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับผู้โดยสารและการใช้งานที่หลากหลาย
นอกจากนี้ยังมีระบบการเตือนความเหนื่อยล้าผู้ขับขี่ ผ่านการควบคุมพวงมาลัยและแจ้งเตือนผ่านหน้าจอ TFT พร้อมการสั่นเตือนที่พวงมาลัย ระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ (Agile Handling Assist) ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน เบรกมือไฟฟ้า ระบบAuto Brake Hold เป็นต้น
ซีอาร์-วี มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย แบ่งเป็นดีเซล 2 รุ่น ราคา 1.549 ล้านบาทในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 1.699 ล้านบาทในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่วนรุ่นเบนซิน 2 รุ่น ราคารุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ 1.399 ล้านบาท และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 1.549 ล้านบาท