New McLaren 750S ใหม่ แรงขึ้น เบาขึ้น
แมคลาเรน แบงคอก จัดงานเปิดตัวแมคลาเรน 750S Coupe พร้อมงานครอบรอบ 60 ปี สำหรับ McLaren 750S ใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่จากสนามแข่ง พร้อมราคาเริ่มต้น 32 ล้านบาท
McLaren 750S 2023-2024
การพัฒนา McLaren 750S ใหม่ ให้ดียิ่งกว่าเดิม ด้วยการปรับใหม่กว่าพันจุด ยกระดับชิ้นส่วนกว่า 30% ทั้งยกเครื่องใหม่และปรับแต่งใหม่ให้ล้ำหน้ายิ่งขึ้น ทำให้รถเบาขึ้น สร้างมดุลด้านอากาศพลศาสตร์ดียิ่งขึ้น ทำให้สามารถเพิ่มแรงกดอากาศได้ดีขึ้นอีก การลดน้ำหนักตัวรถทำให้ได้สัดส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักรถอยู่ที่ 587 แรงม้าต่อตัน
โครงสร้างหลักแบบโมโนค็อกพร้อมด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ การใช้เบาะนั่งแบบรถแข่งที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์และล้อน้ำหนักเบาที่สุดที่ติดตั้งในโมเดลมาตรฐาน คือกุญแจสำคัญที่ส่งผลให้แมคลาเรน 750S เบากว่า 720S ถึง 30 กิโลกรัม นอกจากนี้น้ำหนักรถเปล่ายังเบาสูงสุด เพียง 1,277 กิโลกรัม เบากว่าคู่แข่งหลักถึง 193 กิโลกรัม
ขนาดมิติตัวถัง McLaren 750S
ความยาว 4,569 มม.
ความกว้าง 1,930 มม.
ความสูง 1,196 มม.
ระยะฐานล้อ 2,670 มม.
ความจุถังน้ำมัน 72 ลิตร
ขุมพลัง McLaren 750S
ขุมพลัง McLaren 750S ยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 รหัส M840T ขนาด 4.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จคู่ (Twin-scroll) ให้กำลังสูงสุด 750 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตร จับคู่ผ่านเกียร์คลัทช์คู่ SSG (Seamless Shift Gearbox) 7 สปีด ทำความเร็วสูงสุด 332 กม./ชม. สามารถเบรกหยุดจากความเร็ว 200 กม./ชม. ได้ภายใน 4.6 วินาที กับระยะเบรก 113 ม. อย่างไรก็ตาม ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่น ซึ่งจะแยกได้ ดังนี้
รุ่น Coupe อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.8 วินาที และเร่งจาก 0-200 กม./ชม. ภายใน 7.2 วินาที วิ่งควอเตอร์ไมล์ ภายใน 10.1 วินาที
รุ่น Spider อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.8 วินาที และเร่งจาก 0-200 กม./ชม. ภายใน 7.3 วินาที วิ่งควอเตอร์ไมล์ ภายใน 10.3 วินาที
ขุมพลัง McLaren 750S ยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 รหัส M840T ขนาด 4.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จคู่ (Twin-scroll) ให้กำลังสูงสุด 750 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตร จับคู่ผ่านเกียร์คลัทช์คู่ SSG (Seamless Shift Gearbox) 7 สปีด ทำความเร็วสูงสุด 332 กม./ชม. สามารถเบรกหยุดจากความเร็ว 200 กม./ชม. ได้ภายใน 4.6 วินาที กับระยะเบรก 113 ม. อย่างไรก็ตาม ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่น ซึ่งจะแยกได้ ดังนี้
รุ่น Coupe อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.8 วินาที และเร่งจาก 0-200 กม./ชม. ภายใน 7.2 วินาที วิ่งควอเตอร์ไมล์ ภายใน 10.1 วินาที
รุ่น Spider อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.8 วินาที และเร่งจาก 0-200 กม./ชม. ภายใน 7.3 วินาที วิ่งควอเตอร์ไมล์ ภายใน 10.3 วินาที
ภายใน McLaren 750S
การออกแบบภายในได้รับการปรับแต่งใหม่ทั้งหมดโดยให้ความสำคัญกับคนขับเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ ชูนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นจอควบคุม Active Dynamic Settings ติดตั้งตรงคอพวงมาลัยรถ และสวิทช์แบบคันโยก ทำให้คนขับสามารถปรับโหมดช่วงล่างและระบบส่งกำลังได้โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย
แมคลาเรน 750S ยังภูมิใจนำเสนอ McLaren Control Launcher (MCL) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะและเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของแมคลาเรน ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในรุ่นนี้ อำนวยความสะดวกให้คนขับสามารถบันทึกโหมดการขับที่ชื่นชอบ สร้างประสบการณ์การขับตามความต้องการเฉพาะบุคคลได้ และเลือกใช้ได้ทันทีเพียงปลายนิ้วสัมผัส ผ่านปุ่ม MCL ทรงเอกลักษณ์รูป Speedmark ซึ่งใช้ควบคุมได้หลากหลายฟังก์ชั่น ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอากาศพลศาสตร์ การตั้งค่าระบบส่งกำลัง และระบบเกียร์
เพิ่มเติมความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย Apple CarPlay® ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นนี้ และที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แบบ USB-C และ USB-A พร้อมด้วยหน้าจอ Central Information Screen แบบใหม่ กล้องมองหลังและกล้องมองรอบรถที่อัพเกรดให้มีความละเอียดและภาพคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมี ระบบ Vehicle-Lift ใหม่ล่าสุด เพียงปุ่มเดียวก็สามารถยกด้านหน้าของรถขึ้นได้อย่างฉับพลันใน 4 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารถแมคลาเรนรุ่นอื่นๆ และเร็วกว่าแมคลาเรน 720S (ที่ใช้เวลา 10 วินาที)
อีกหลายไฮไลท์ในรุ่นนี้ ได้แก่ ชุดท่อไอเสียด้านท้ายกลางตัวรถที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก McLaren P1TM ส่งมอบเสียงอันเป็นเอกลักษณ์เร้าใจ พร้อมการปรับแต่งอคูสติกให้โทนเสียงแตกต่าง คมชัด และค่อยๆ ดังขึ้นในช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น มาพร้อมชุดช่วงล่างใหม่ล่าสุด PCC III (McLaren's Proactive Chassis Control linked-hydraulic suspension) ชุดสปริงและชุดดูดซับแรงกระแทกแบบน้ำหนักเบาที่คำนวณและออกแบบใหม่เพื่อความคล่องตัวกว่าในการขับ ชุดพวงมาลัยแบบ electro-hydraulic ที่เลื่องชื่อผนวกอัตราทดที่เร็วขึ้นเพื่อการเข้าโค้งที่คมมากยิ่งขึ้น ระบบเบรกใหม่อัพเกรดมาพร้อมชุดเบรกเซรามิค ชุดปั๊มสุญญากาศและบูสเตอร์ชุดใหม่ และชุดโมโนบลอค แคลิเปอร์ (monobloc caliper) ที่พัฒนาต่อยอดจากระบบเบรกของแมคลาเรน เซนนา (McLaren Senna) เทคโนโลยีระบายความร้อนแคลิเปอร์เบรกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถฟอร์มูล่าวัน
ภายนอก New McLaren 750S
การออกแบบของแมคลาเรน 750S สไปเดอร์ มุ่งเน้นให้มีน้ำหนักเบาที่สุดเช่นกัน จุดเด่นของรุ่นนี้ คือ หลังคาแบบ Retractable Hard Top (RHT) ที่สามารถเปิดปิดได้เร็วกว่า 11 วินาทีที่ความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อม Rollover Protection System
ส่วนบนของโครงสร้างด้านหลังเชื่อมกันกับโมโนค็อก ที่มีคาร์บอนไฟเบอร์เป็นวัสดุหลัก และด้วยความแข็งแรงของวัสดุนี้ จึงไม่ต้องเสริมความแข็งแรงเพิ่มเติม จึงทำให้มั่นใจว่าแมคลาเรน 750S สไปเดอร์ จะขึ้นสู่ผู้นำในกลุ่มตลาดนี้ด้วยสัดส่วน 566 แรงม้าต่อตัน และตัวรถเปล่าที่เบาที่สุดที่ 1,326 กิโลกรัม
รายละเอียดของแมลลาเรน 750S ที่ได้รับการพัฒนาและต่อยอด ให้แตกต่างจากแมคลาเรน 720เอส อาทิ
ส่วนของปลายด้านหน้ารถ (จมูกรถ) ที่ต่ำลง
ออกแบบให้ช่องรับอากาศเข้าบริเวณไฟหน้าหรือ Eye Socket ให้แคบลง Sill Air Intake แบบใหม่
ช่องรับอากาศเข้าแบบใหม่บริเวณซุ้มล้อหลัง
ระบบควบคุมอากาศพลศาสตร์ด้านหลังพร้อมปรับการออกแบบเพิ่มความยาวส่วนหลังเพิ่มรีดลมไปยังปีกคาร์บอนไฟเบอร์ด้านหลังที่ออกแบบให้สูงขึ้นและยาวขึ้น โดยปีกชุดนี้อยู่เหนือชุดท่อไอเสียตรงกลาง
ออพชั่นสำหรับชุดตกแต่งไฟหน้ามีให้เลือกทั้งแบบสีเดียวกับตัวรถและแบบคาร์บอนไฟเบอร์ หรือจะเป็นชุดช่องรับอากาศแบบใหม่ทั้งที่กันชนหน้าและกันชนหลังก็มีให้เลือกเช่นกันในหมวดหมู่วัสดุน้ำหนักเบา (lightweight material) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแมคลาเรน
การออกแบบของแมคลาเรน 750S สไปเดอร์ มุ่งเน้นให้มีน้ำหนักเบาที่สุดเช่นกัน จุดเด่นของรุ่นนี้ คือ หลังคาแบบ Retractable Hard Top (RHT) ที่สามารถเปิดปิดได้เร็วกว่า 11 วินาทีที่ความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อม Rollover Protection System
ส่วนบนของโครงสร้างด้านหลังเชื่อมกันกับโมโนค็อก ที่มีคาร์บอนไฟเบอร์เป็นวัสดุหลัก และด้วยความแข็งแรงของวัสดุนี้ จึงไม่ต้องเสริมความแข็งแรงเพิ่มเติม จึงทำให้มั่นใจว่าแมคลาเรน 750S สไปเดอร์ จะขึ้นสู่ผู้นำในกลุ่มตลาดนี้ด้วยสัดส่วน 566 แรงม้าต่อตัน และตัวรถเปล่าที่เบาที่สุดที่ 1,326 กิโลกรัม
รายละเอียดของแมลลาเรน 750S ที่ได้รับการพัฒนาและต่อยอด ให้แตกต่างจากแมคลาเรน 720เอส อาทิ
ส่วนของปลายด้านหน้ารถ (จมูกรถ) ที่ต่ำลง
ออกแบบให้ช่องรับอากาศเข้าบริเวณไฟหน้าหรือ Eye Socket ให้แคบลง Sill Air Intake แบบใหม่
ช่องรับอากาศเข้าแบบใหม่บริเวณซุ้มล้อหลัง
ระบบควบคุมอากาศพลศาสตร์ด้านหลังพร้อมปรับการออกแบบเพิ่มความยาวส่วนหลังเพิ่มรีดลมไปยังปีกคาร์บอนไฟเบอร์ด้านหลังที่ออกแบบให้สูงขึ้นและยาวขึ้น โดยปีกชุดนี้อยู่เหนือชุดท่อไอเสียตรงกลาง
ออพชั่นสำหรับชุดตกแต่งไฟหน้ามีให้เลือกทั้งแบบสีเดียวกับตัวรถและแบบคาร์บอนไฟเบอร์ หรือจะเป็นชุดช่องรับอากาศแบบใหม่ทั้งที่กันชนหน้าและกันชนหลังก็มีให้เลือกเช่นกันในหมวดหมู่วัสดุน้ำหนักเบา (lightweight material) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแมคลาเรน
ทัศนวิสัยการขับที่ดีรอบด้านบนโครงสร้างหลักแบบโมโนค็อกพร้อมด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ที่มี A-pillar แบบบางพิเศษและ C-pillar แบบโปร่งแสงทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มแสงธรรมชาติให้เข้ามาให้ห้องโดยสารได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ คนขับยังสามารถมองเห็นเครื่องยนต์ได้จากภายในห้องโดยสาร พร้อมความมั่นใจในการบริการสูงสุดกับการรับประกันถึง 3 ปี
เครดิตแหล่งข้อมูล :autospinn
เครดิตแหล่งข้อมูล :autospinn
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!