เปิดตัว BYD Dolphin 2023 2 รุ่น ค่าตัวเริ่มต้น 699,999 บาท
เรเว่ ออโตโมทีฟ เปิดตัว BYD Dolphin นวัตกรรมใหม่ที่จะเปลี่ยนทุกชีวิต เสริมความเป็นผู้นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ที่มาพร้อมความคล่องตัว โดดเด่น ล้ำสมัย กับ "สุนทรีย์ศาสตร์แห่งมหาสมุทร" ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 699,999 บาท
เปิดตัว BYD Dolphin 2 รุ่น ค่าตัวเริ่มต้น 699,999 บาท
BYD Dolphin ราคาเท่าไร
รุ่น Standard Range ราคา 699,999 บาท
รุ่น Extended Range ราคา 859,999 บาท
(ราคาหลังจากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ)
รถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin ทุกคัน มาพร้อมกับสิทธิพิเศษ Rêver Care สามารถออกรถเริ่มต้นเพียง 35,000 บาท หรือ ดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.88%, ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. ระยะเวลา 1 ปี, การรับประกันตัวรถและแบตเตอรี่ระยะเวลา 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร, บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงระยะเวลา 8 ปี, สายต่อพ่วง VtoL และสายชาร์จฉุกเฉิน, ค่าจดทะเบียนรถ, พรมเข้ารูป+กรอบป้ายทะเบียน+ฟิล์มหน้าจอ และ ผู้ที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin ยังได้รับสิทธิ์ในการซื้อโฮมชาร์จเจอร์พร้อมการติดตั้งเพียง 25,000 บาท (จากราคา 35,000 บาท) เท่านั้น
BYD Dolphin Standard Range
มีตัวเลือกภายนอก 4 สี ได้แก่
สีครีม (Coastal Crème)
สีม่วง (Flora Purple)
สีเทา (Alaskan Grey)
สีชมพู (Coral Pink)
ควบคู่กับการตกแต่งภายในที่มีตัวเลือกทูโทน ได้แก่
สีดำและน้ำตาล (Black + Brown)
สีดำและสีเทา (Black + Grey)
สีชมพูและสีเทา (Pink + Grey)
BYD Dolphin Extended Range
มีตัวเลือกภายนอกทูโทน 4 สี ได้แก่
สีชมพู/ สีเทา (Coral Pink + Atlantis Grey)
สีฟ้า/ สีเทา (Atoll Blue + Atlantis Grey)
สีเทา/ สีดำ (Atlantis Grey + Pebble Black)
สีขาว/ สีเทา (Surge White + Atlantis Grey)
ควบคู่กับการตกแต่งภายในที่มีตัวเลือกทูโทน ได้แก่
สีฟ้า/ สีเทา (Blue + Grey)
สีดำ/ สีเทา (Black + Grey)
ขุมพลัง BYD Dolphin
BYD Dolphin ประกอบด้วย 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Standard Range และรุ่น Extended Range ซึ่งนวัตกรรมขุมพลังของ Blade Batter ทำให้รุ่น Standard Range สามารถเดินทางได้ไกลถึง 410 กิโลเมตร และ 490 กิโลเมตร สำหรับรุ่น Extended Range (ตามมาตรฐาน NEDC) ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางไกล ด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ ยังมีระบบขับเคลื่อนล้อหน้าที่ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟต (Lithium Iron Phosphate) ความจุ 44.9 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้แรงบิดสูงถึง 180 นิวตัน-เมตร
สำหรับรุ่น Standard Range และความจุ 60.48 กิโลวัตต์ กำลังมอเตอร์สูงถึง 150 กิโลวัตต์ แรงบิดมหาศาล 310 นิวตัน-เมตร สำหรับรุ่น Extended Range ด้วยมอเตอร์ที่ทรงพลัง ทำให้รุ่น Standard Range มีอัตราเร่งที่ 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ภายใน 12.3 วินาที และภายใน 7 วินาที
สำหรับรุ่น Extended Range ทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมด้วยหัวชาร์จ AC Type 2 ขนาด 7 กิโลวัตต์ และพอร์ตชาร์จ DC ขนาด 60 และ 80 กิโลวัตต์ ตามลำดับ, ที่ให้การเพิ่มระดับแบตเตอรี่จาก 30 เปอร์เซ็นต์ เป็น 80 เปอร์เซ็นต์ ในเวลาเพียง 29 นาที อีกทั้งยังมีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (VtoL) ที่สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด 2000w ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ได้
ภายนอก BYD Dolphin
BYD Dolphin หรือที่เรียกว่า "สุนทรียศาสตร์แห่งมหาสมุทร" เต็มไปด้วยความสดใหม่และสีสัน โดดเด่นด้วยการออกแบบจากรูปทรงโลมาตั้งแต่ภายนอกด้านหน้าโค้งมนรับกับไฟหน้าLED เส้นด้านข้างออกแบบให้สอดรับกัน ไฟท้ายสะดุดตาโฉบเฉี่ยวและโดดเด่นในทุกมิติ การออกแบบภายในมีความกว้างขวางและเต็มไปด้วยสีสัน คอนโซนหน้าเป็นลายคลื่นรับกับช่องแอร์ มือจับเปิดประตูทรงครีบโลมาพร้อมโลโก้ BYD ที่ดุมล้อ นอกจากนี้ ระบบสัญญาณเสียงแจ้งต่างๆจำลองมาจากท้องทะเล และระบบอัจฉริยะใหม่ "Follow Me Home" ที่จะมาเพิ่มความปลอดภัยหลังจากจอดรถ
นวัตกรรมใหม่เทคโนโลยีแบตเตอรี่เอกสิทธิ์เฉพาะของ BYD อย่าง BYD Blade Battery มาพร้อมกับมาตรฐานความปลอดภัยชั้นสูง ด้วยโครงสร้างการจัดเรียงเซลล์แบตเตอรี่รูปทรงคล้ายใบมีดที่ช่วยลดการใช้งานโมดูลทำให้ลดน้ำลง และการระบบระบายความร้อนที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเข้มงวดแม้ในสถานการณ์ที่เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงและมีประสิทธิภาพที่คงทน
นอกจากนี้ BYD Dolphin ถูกพัฒนาบน e-Platform 3.0 ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่เพิ่มประสิทธิภาพในการจ่ายพลังงาน พร้อมระบบส่งกำลัง 8 in 1 (ควบคุมกระแสไฟฟ้า แบตเตอรี่ และการขับเคลื่อน) ที่เพิ่มประสิทธิภาพการให้พลังงาน 20 เปอร์เซ็นต์ และลดปริมาณการใช้พื้นที่และน้ำหนักลงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ โดยแพลตฟอร์มอัจฉริยะนี้ยังช่วยส่งมอบการขับขี่ที่นุ่มนวลและการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม
BYD Dolphin หรือที่เรียกว่า "สุนทรียศาสตร์แห่งมหาสมุทร" เต็มไปด้วยความสดใหม่และสีสัน โดดเด่นด้วยการออกแบบจากรูปทรงโลมาตั้งแต่ภายนอกด้านหน้าโค้งมนรับกับไฟหน้าLED เส้นด้านข้างออกแบบให้สอดรับกัน ไฟท้ายสะดุดตาโฉบเฉี่ยวและโดดเด่นในทุกมิติ การออกแบบภายในมีความกว้างขวางและเต็มไปด้วยสีสัน คอนโซนหน้าเป็นลายคลื่นรับกับช่องแอร์ มือจับเปิดประตูทรงครีบโลมาพร้อมโลโก้ BYD ที่ดุมล้อ นอกจากนี้ ระบบสัญญาณเสียงแจ้งต่างๆจำลองมาจากท้องทะเล และระบบอัจฉริยะใหม่ "Follow Me Home" ที่จะมาเพิ่มความปลอดภัยหลังจากจอดรถ
นวัตกรรมใหม่เทคโนโลยีแบตเตอรี่เอกสิทธิ์เฉพาะของ BYD อย่าง BYD Blade Battery มาพร้อมกับมาตรฐานความปลอดภัยชั้นสูง ด้วยโครงสร้างการจัดเรียงเซลล์แบตเตอรี่รูปทรงคล้ายใบมีดที่ช่วยลดการใช้งานโมดูลทำให้ลดน้ำลง และการระบบระบายความร้อนที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเข้มงวดแม้ในสถานการณ์ที่เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงและมีประสิทธิภาพที่คงทน
นอกจากนี้ BYD Dolphin ถูกพัฒนาบน e-Platform 3.0 ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่เพิ่มประสิทธิภาพในการจ่ายพลังงาน พร้อมระบบส่งกำลัง 8 in 1 (ควบคุมกระแสไฟฟ้า แบตเตอรี่ และการขับเคลื่อน) ที่เพิ่มประสิทธิภาพการให้พลังงาน 20 เปอร์เซ็นต์ และลดปริมาณการใช้พื้นที่และน้ำหนักลงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ โดยแพลตฟอร์มอัจฉริยะนี้ยังช่วยส่งมอบการขับขี่ที่นุ่มนวลและการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม
ภายใน BYD Dolphin
BYD Dolphin ยังมีการออกแบบภายในที่กว้างขวางแม้จะมีรูปแบบและขนาดภายนอกที่กะทัดรัด แต่ด้วยระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,700 มม. ทำให้ขนาดห้องโดยสารมีขนาดที่กว้างขวาง พร้อมมอบความสะดวกสบายในการใช้งานและประสบการณ์การเดินทางที่ตอบสนองต่อความต้องการในชีวิตประจำวันด้วยห้องโดยสาร 5 ที่นั่ง และเบาะนั่งสปอร์ตพร้อมพนักพิงตามหลักสรีรศาสตร์ โดยพื้นที่จัดเก็บสัมภาระท้ายรถสามารถจัดเก็บกระเป๋าเดินทางขนาด 30 นิ้ว ได้ 1 ใบและขนาด 20 นิ้ว ได้ 2 ใบ
พร้อมเบาะโดยสารด้านหลังที่สามารถปรับพับได้แบบ 60:40 ให้ความยืดหยุ่นในการบรรจุสัมภาระจำนวนมาก ซึ่งการออกแบบของพื้นที่ให้ทั้งประโยชน์ในการใช้สอยและความสวยงามที่เต็มไปด้วยสีสันแบบพร้อม ๆ กัน เสริมด้วยระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) Stop and go ทำให้การขับขี่ระยะทางไกลที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น อีกฟังก์ชันที่เหมาะสำหรับสภาวะอากาศในเมืองไทย คือ ระบบกรองอากาศ PM 2.5 พร้อม CN95 Filter ให้ผู้ใช้รถได้มีอากาศบริสุทธิ์ในทุกการขับขี่
BYD Dolphin ยังมีการออกแบบภายในที่กว้างขวางแม้จะมีรูปแบบและขนาดภายนอกที่กะทัดรัด แต่ด้วยระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,700 มม. ทำให้ขนาดห้องโดยสารมีขนาดที่กว้างขวาง พร้อมมอบความสะดวกสบายในการใช้งานและประสบการณ์การเดินทางที่ตอบสนองต่อความต้องการในชีวิตประจำวันด้วยห้องโดยสาร 5 ที่นั่ง และเบาะนั่งสปอร์ตพร้อมพนักพิงตามหลักสรีรศาสตร์ โดยพื้นที่จัดเก็บสัมภาระท้ายรถสามารถจัดเก็บกระเป๋าเดินทางขนาด 30 นิ้ว ได้ 1 ใบและขนาด 20 นิ้ว ได้ 2 ใบ
พร้อมเบาะโดยสารด้านหลังที่สามารถปรับพับได้แบบ 60:40 ให้ความยืดหยุ่นในการบรรจุสัมภาระจำนวนมาก ซึ่งการออกแบบของพื้นที่ให้ทั้งประโยชน์ในการใช้สอยและความสวยงามที่เต็มไปด้วยสีสันแบบพร้อม ๆ กัน เสริมด้วยระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) Stop and go ทำให้การขับขี่ระยะทางไกลที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น อีกฟังก์ชันที่เหมาะสำหรับสภาวะอากาศในเมืองไทย คือ ระบบกรองอากาศ PM 2.5 พร้อม CN95 Filter ให้ผู้ใช้รถได้มีอากาศบริสุทธิ์ในทุกการขับขี่
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย BYD Dolphin
ขับเคลื่อนโดยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ (ADAS)
ระบบความปลอดภัยที่มาอย่างครบครัน ออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยง ประกอบด้วย ถุงลมนิรภัย 6 จุด
ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS)
จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
ระบบเสริมแรงเบรกอัจฉริยะ
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)
ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB)
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC)
ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCS)
ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD)
ระบบช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)
ระบบควบคุมการไหลของรถยนต์อัตโนมัติ (Auto Hold)
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB)
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKS)
ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้าและหลัง (PCW, RCW)
ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)
ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA, RCTB)
ระบบช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกช่องทางเดินรถ (LDP)
ระบบช่วยควบคุมฉุกเฉินให้รถอยู่ในช่องทางเดินรถ (ELKA)
ระบบช่วยเตือนการชนเมื่อเปลี่ยนช่องทางเดินรถ (LCW) อีกทั้งยังมีกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา พร้อมฟังก์ชันอัจฉริยะ เช่น แดชบอร์ดประเมินผลข้อมูลระดับพลังงานและความเร็วแบบเรียลไทม์ขนาด 5 นิ้ว, หน้าจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ที่สามารถปรับหมุนได้เพื่อจัดการระบบสาระบันเทิงและระบบนําทาง
พอร์ต USB สำหรับการชาร์จอุปกรณ์สื่อสารอย่างรวดเร็ว
ระบบชาร์จแบบไร้สาย
ระบบ Follow Me Home เพิ่มความปลอดภัยหลังจอดรถและระบบเสียงดนตรีที่มีการออกแบบสัญญาณเสียงที่จำลองมาจากทะเล นอกจากนี้ ยังมีกลไกการล็อกมากถึง 5 รูปแบบ ได้แก่ การล็อกและปลดล็อกด้วยกุญแจรีโมท, บัตร NFC, BYD Application, กุญแจไข และแบบไม่มีกุญแจ (Keyless Entry)
ขับเคลื่อนโดยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ (ADAS)
ระบบความปลอดภัยที่มาอย่างครบครัน ออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยง ประกอบด้วย ถุงลมนิรภัย 6 จุด
ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS)
จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
ระบบเสริมแรงเบรกอัจฉริยะ
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)
ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB)
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC)
ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCS)
ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD)
ระบบช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)
ระบบควบคุมการไหลของรถยนต์อัตโนมัติ (Auto Hold)
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB)
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKS)
ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้าและหลัง (PCW, RCW)
ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)
ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA, RCTB)
ระบบช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกช่องทางเดินรถ (LDP)
ระบบช่วยควบคุมฉุกเฉินให้รถอยู่ในช่องทางเดินรถ (ELKA)
ระบบช่วยเตือนการชนเมื่อเปลี่ยนช่องทางเดินรถ (LCW) อีกทั้งยังมีกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา พร้อมฟังก์ชันอัจฉริยะ เช่น แดชบอร์ดประเมินผลข้อมูลระดับพลังงานและความเร็วแบบเรียลไทม์ขนาด 5 นิ้ว, หน้าจอสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว ที่สามารถปรับหมุนได้เพื่อจัดการระบบสาระบันเทิงและระบบนําทาง
พอร์ต USB สำหรับการชาร์จอุปกรณ์สื่อสารอย่างรวดเร็ว
ระบบชาร์จแบบไร้สาย
ระบบ Follow Me Home เพิ่มความปลอดภัยหลังจอดรถและระบบเสียงดนตรีที่มีการออกแบบสัญญาณเสียงที่จำลองมาจากทะเล นอกจากนี้ ยังมีกลไกการล็อกมากถึง 5 รูปแบบ ได้แก่ การล็อกและปลดล็อกด้วยกุญแจรีโมท, บัตร NFC, BYD Application, กุญแจไข และแบบไม่มีกุญแจ (Keyless Entry)
บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับพันธมิตร บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SHARGE สร้าง EV Charging Ecosystem ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน โดยเปลี่ยนสถานีชาร์จ (SHARGE) ทั้งหมด เป็น RÊVERCHARGER ให้กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ในทุกภาคของประเทศไทย
และกำหนดเป้าหมายการติดตั้งหัวชาร์จไฟฟ้าเพิ่มเติมให้ได้ครบ 1,100 หัว ภายในวันที่ 1 มกราคม 2567 เพื่อให้บริการเชิงรุกและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ เรเว่ ออโตโมทีฟ และ SHARGE จะดำเนินการติดตั้งหัวชาร์จในพื้นที่อยู่อาศัย เช่น คอนโด หมู่บ้าน โรงแรม สถานที่ทำงาน ห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน สถานที่ใช้สอยผสมผสานและโชว์รูมรถยนต์ไฟฟ้า BYD เป็นหลัก
และกำหนดเป้าหมายการติดตั้งหัวชาร์จไฟฟ้าเพิ่มเติมให้ได้ครบ 1,100 หัว ภายในวันที่ 1 มกราคม 2567 เพื่อให้บริการเชิงรุกและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ เรเว่ ออโตโมทีฟ และ SHARGE จะดำเนินการติดตั้งหัวชาร์จในพื้นที่อยู่อาศัย เช่น คอนโด หมู่บ้าน โรงแรม สถานที่ทำงาน ห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน สถานที่ใช้สอยผสมผสานและโชว์รูมรถยนต์ไฟฟ้า BYD เป็นหลัก
เครดิตแหล่งข้อมูล :autospinn
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!