ชัวร์หรือมั่ว? ฝนตก-ไม่ล้าง ต้นเหตุทำสีรถหมอง
รู้หรือไม่ว่าจริงๆแล้วเมื่อขับรถผ่านสมรภูมิฝน รถไม่ได้เจอเพียงแค่น้ำฝนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีฝุ่นละออง เศษไม้ เศษหิน รวมไปถึงมลพิษอีกมากมายที่เกาะติดรถของคุณมา ถ้าไม่ล้างทำความสะอาดออก สิ่งสกปรกเหล่านั้นก็จะสะสมอยู่บนรถ โดยเฉพาะในเขตเมืองและโรงงานอุตสาหกรรม "น้ำฝนก็ย่อมมีฤทธิ์เป็นกรด กัดกร่อนสีรถให้หม่นหมอง" ไม่เงางามสวยเหมือนเดิม ซึ่งหากทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน ย่อมเป็นคราบฝังแน่นที่ล้างออกได้ยาก อีกทั้งเมื่อรถชื้นเป็นระยะเวลานาน ก็อาจจะก่อให้เกิดสนิมได้
-หมั่นล้างรถอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหลังลุยฝน เพื่อเป็นการลดการเกิดคราบฝังแน่น แต่หากไม่มีเวลามากนัก แนะนำให้ใช้สายยางฉีดไล่ฝุ่น โคลน และคราบน้ำฝนออกไป และใช้ผ้าเช็ดรถเช็ดให้แห้ง
-ไม่ควรนำผ้าแห้งมาเช็ดรถในทันทีหลังลุยฝน เพราะเป็นสาเหตุก่อให้เกิดรอยได้ เนื่องจากช่วงที่ขับรถลุยฝน จะมีฝุ่น ทราย โคลน เกาะที่ผิวรถ ดังนั้นควรฉีดล้างออกก่อน
-ไม่ควรจอดรถใต้ร่มไม้ที่มียางไม้ ดอกหรือผล ร่วงใส่ เพราะในฤดูฝน มักมีลมกรรโชกแรง นอกจากต้นไม้อาจจะหักโค่นมาโดนรถเราได้แล้ว ยาง ดอกหรือผลของต้นไม้แต่ละชนิด อาจจะปลิวมาติดรถ และทำให้สีรถเสียหาย เกิดรอยด่างได้
-ไม่ควรล้างรถเองในช่วงเย็น-ค่ำ เพราะบางครั้งน้ำที่ตกค้างอยู่ตามซอกรถ ก็อาจจะทำให้ทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง และอาจเป็นสาเหตุทำให้รถเป็นสนิมได้
-เคลือบสีรถ นอกจากจะนำให้รถเงางามแล้ว ยังช่วยป้องกันคราบน้ำฝน หากเคลือบสีบ่อยๆ น้ำจะไม่เกาะที่ตัวรถ จึงช่วยลดการเกิดคราบ และทำให้ล้างรถได้ง่ายขึ้นFhY