ที่บั้นท้ายมีแผงรีดอากาศดิฟฟิวเซอร์เหมือนกับรุ่นเอสวี ช่วยสร้างแรงกดท้าย ขณะที่ตรงกลางกันชนมีท่อไอเสียที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ มีน้ำหนักเบาลงกว่าเดิม 20% สปอยเลอร์หลังสามารถปรับได้สามระดับตามความเร็วและโหมดการขับขี่
การปรับปรุงดีไซน์ภายนอกทำให้อเวนทาดอร์ เอสมีแรงกดด้านหน้ามากขึ้น 130% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนการปรับโฉม ขณะที่ด้านท้ายมีแรงกดสูงขึ้น 50% ส่วนค่าแรงเสียดทานอากาศลดลงถึง 400% เลยทีเดียว
ขุมพลังขับเคลื่อนเป็นบล็อกวี12 ความจุกระบอกสูบ 6.5 ลิตคร ไม่มีระบบอัดอาอากาศ มีพละกำลังเพิ่มขึ้น 40 แรงม้าไปอยู่ที่ 740 แรงม้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ 7 สปีด แรงบิดอยู่ที่ 690 นิวตันเมตรเท่าเดิม ลัมบอร์กินี่ระบุว่ารอบเครื่องสูงสุดเพิ่มจาก 8,350 รอบต่อนาทีเป็น 8,500 รอบต่อนาที
อัตราเร่งของอเวนทาดอร์ เอสสามารถออกตัวจาก 0-100 กม.ต่อชม. ได้ภายใน 2.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 350 กม.ต่อชม.
ไม่เพียงเท่านั้น อเวนทาดอร์ เอสยังเป็นรถลัมบอร์กินี่รุ่นแรกที่มาพร้อมระบบเลี้ยวสี่ล้อ ซึ่งช่วยเพิ่มการควบคุมและความปราดเปรียวในความเร็วต่ำและปานกลาง รวมถึงเพิ่มเสถียรภาพในช่วงความเร็วสูง สำหรับยางเป็นรุ่นพิเรลลี่ พี ซีโร่ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มการยึดเกาะและเสริมประสิทธิภาพระบบเบรก โดยใช้ระยะทางเพียง 31 เมตรในการเบรกจาก 100 กม.ต่อชม.
ภายในห้องโดยสารติดตั้งมาตรวัดดิจิตอลชุดใหม่ มีโหมดการขับขี่ Strada, Sport, Corsa, และโหมดใหม่เอี่ยมคือ Ego พร้อมรองรับการเชื่อมต่อแอปเปิล คาร์เพลย์
กำหนดการส่งมอบจะมีขึ้นในช่วงไตรมาสที่สองปีหน้า ราคาจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเริ่มต้นที่ 421,350 เหรียญสหรัฐ