ทำความรู้จักรถยนต์ไฟฟ้า และทริคการใช้งาน
ทุกวันนี้กระแสของรถยนต์ไฟฟ้านั้นได้รับความนิยมอย่างมาก สังเกตุเห็นได้จากการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้บนท้องถนน ด้วยความที่มีจุดเด่นในเรื่องของการช่วยประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ปล่อยก๊าซมลพิษออกมา และสำหรับใครที่มีแพลนกำลังจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ละก็ จะพามาทำความรู้จักรถยนต์ไฟฟ้า และทริคการใช้งานกัน
รถยนต์ไฟฟ้า คืออะไร
รถยนต์ไฟฟ้า คือประเภทของยานพาหนะที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นแหล่งขับเคลื่อนหลัก โดยไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงในรูปแบบของน้ำมันหรือแก๊สเป็นแหล่งพลังงาน รถยนต์ไฟฟ้ามีอุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า และแบตเตอรี่ที่ใช้ในการเก็บพลังงานไฟฟ้าและมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ในการขับเคลื่อน และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายค่าเชื้อเพลิงลงไปได้ ด้วยการเสียบชาร์จแบตเตอรี่กับไฟบ้านหรือสถานีชาร์จไฟ ที่ตอนนี้มีให้บริการแล้วในหลายจุด
รถยนต์ไฟฟ้า มีกี่ประเภท
*รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle: HEV)
*รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Vehicle: PHEV)
*รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle: FCEV)
*รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV)
เทคนิคการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกต้อง
1. วางแผนก่อนใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า
ก่อนออกเดินทางตรวจสอบแผนทางและระยะทางที่คุณจะขับรถให้ดีที่สุด เพื่อลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น เนื่องจากว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีข้อจำกัดในเรื่องของระยะทางอย่างน้อยก็ 300 กิโลเมตรขึ้นไป บางรุ่นอาจขับได้ระยะทางมากกว่านี้ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น หากเรามีแผนการขับรถเดินทางที่ไกลกว่านั้นเราควรวางแผนการเดินทางให้ดี และควรหาสถานีชาร์จบริเวณใกล้เคียงพื้นที่นั้นไว้ด้วย หากต้องชาร์จไฟฟ้ากรณีฉุกเฉิน
2. ควรชาร์จไฟให้ได้ระดับ 80%
การชาร์จไฟให้อยู่ระดับ 80% ถือเป็นช่วงที่ดีที่สุดสำหรับรถไฟฟ้า ช่วยประหยัดเวลาในการชาร์จและการเดินทางได้ดี สิ่งสำคัญคือไม่ควรใช้งานจนแบตเตอรี่รถเหลือ 0% แล้วถึงชาร์จ เพราะจะทำให้แบตเตอรี่ทำงานหนักขึ้น หรือหากเรามีความจำเป็นต้องจอดรถไฟฟ้าทิ้งไว้นานเป็นเดือน ควรให้รถมีแบตเตอรี่อย่างน้อย 30%
3. ขับรถด้วยความเร็วที่คงที่
แน่นอนว่าการขับรถตามที่กฎหมายกำหนดนั้นคนใช้รถทุกประเภทควรปฏิบัติกัน หากเราขับรถด้วยความเร็วคงที่ก็จะช่วยให้รถเราประหยัดพลังงานได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากเราขับรถด้วยความเร็ว 90 กม./ชม. เราจะสามารถขับรถได้ระยะทางที่ไกลกว่าการขับรถด้วยความเร็ว 120 กม./ชม.
4. เบรกเพื่อชาร์จแบตเตอรี่
รถยนต์ไฟฟ้ามักมีระบบเบรกที่ช่วยในการกู้คืนพลังงานในขณะที่คุณเบรก ลดการใช้พลังงานที่ต้องใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่ เป็นการชาร์จตามสภาพจราจรหรือสภาพการขับขี่ เป็นกระบวนการเปลี่ยนพลังงานจลน์ไปเป็นพลังงานไฟฟ้าเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ ไม่ว่าจะเป็นเบรกเมื่อถึงทางแยก เบรกเมื่อเข้าเขตจำกัดความเร็ว เบรกเมื่อมีสิ่งกีดขวาง ล้วนเป็นการชาร์จไฟเข้าแบตฯ ทั้งสิ้น
5. อุณหภูมิที่เหมาะสมจะช่วยในการยืดอายุแบตเตอรี่
สุดท้ายเราควรที่จะรักษาอุณหภูมิมิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ควรปล่อยให้เครื่องยนต์ร้อน หรือเย็นจนเกินไป เนื่องจากจะส่งผลต่อสมรรถนะและประสิทธิภาพของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า และยังเป็นผลต่อการขับรถระยะทางไกลที่สุดที่จะวิ่งได้
เครดิตแหล่งข้อมูล : tqm
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!