ใช้ รถเกียร์ออโต้ รู้ไว้ รถไม่พังก่อนวัยอันควร
-ตำแหน่ง P ( Parking ) แปลว่าจอดรถ เมื่อเกียร์อยู่ในตำแหน่งนี้ จะถูกล็อกให้อยู่กับที่ด้วยกลไก ภายในเกียร์ ไม่ว่าจะติดเครื่องหรือดับเครื่องยนต์ก็ตาม
-ตำแหน่ง R ( Reverse) เป็นตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง หากต้องการเข้าเกียร์ถอยหลัง จะต้องกดปุ่มปลดล็อกเสมอ โดยปุ่มดังกล่าวสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการเข้าเกียร์ผิดจนอาจทำให้เกียร์เสียหายได้
-ตำแหน่ง N (Natural ) เป็นตำแหน่งเกียร์ว่าง ใช้สำหรับหยุดรถอยู่กับที่บนพื้นราบ โดยสามารถเข็นให้เคลื่อนที่ได้
-ตำแหน่ง D ( Drive ) เป็นตำแหน่งที่ให้รถขับเคลื่อนไปด้านหน้า โดยเกียร์จะเปลี่ยนไปเองโดยอัตโนมัติ ตามความเร็วรอบและแรงกดคันเร่ง ในการขับขี่เดินหน้าบนเส้นทางปกติสามารถใช้ตำแหน่งเพียงตำแหน่งเดียวได้
-ตำแหน่ง 2 เป็นตำแหน่งที่ให้รถขับเคลื่อนไปด้านหน้า แต่เกียร์จะถูกล็อกไว้ให้ทำงานแค่เกียร์ 1 และ เกียร์ 2 เท่านั้นตำแหน่งนี้จะใช้ในการขับขี่ขึ้นทางลาดชันที่ไม่มากนัก
-ตำแหน่ง 1 หรือ L เป็นตำแหน่งที่ให้รถขับเคลื่อนไปด้านหน้า โดยเกียร์จะถูกล็อกไว้ให้ทำงานแค่เกียร์ 1 เท่านั้น ซึ่งใช้ในการขับขี่ขึ้นทางลาดชันมาก ๆ ที่ต้องการกำลังสูง
-การสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อความปลอดภัย ผู้ผลิตรถยนต์ทุกค่าย ออกแบบระบบให้สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ ได้เฉพาะ ตำแหน่ง P กับ N เท่านั้น
เทคนิคที่ควรรู้
-เมื่อต้องจอดรถในทางลาดชัน ก่อนถอนเท้าจากเบรกให้ดึงเบรคมือให้แน่นก่อน จากนั้นให้เลื่อนตำแห่งเกียร์จากD หรือ R ที่เข้าอยู่ ไป N แล้วค่อยขยับไป P และเมื่อต้องการจะขยับรถให้เหยียบเบรกไว้ก่อนเลื่อนตำแหน่งเกียร์จาก P ไป N ,D หรือ R แล้วจึงปลดเบรกมือ จากนั้นค่อยถอนเท้าจากเบรกเพื่อให้รถเคลื่อนตัว
-เลือกใช้น้ำมันเกียร์ให้ถูกชนิด เนื่องจากในปัจจุบันเกียร์ออโตเมติก ถูกพัฒนาไปมากจึงต้องเลือกใช้น้ำมันเกียร์ที่ได้มาตรฐาน-ถูกชนิด-เปลี่ยนถ่ายก่อนหรือตามระยะที่กำหนด
-อย่าลากเกียร์บ่อยๆ รถยนต์เกียร์อัตโนมัติในปัจจุบันมีฟังก์ชัน Paddle Shift ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์เองได้เหมือนกับเกียร์ธรรมดา ซึ่งบางคนก็เคยชินกับการขับเกียร์อัตโนมัติ โดยการเหยียบคันเร่งยาวๆ ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่จะสร้างความเสียหายให้กับคลัทช์ และส่งผลทำให้ต้องเปลี่ยนเกียร์ก่อนเวลาอันควรได้ครับ