ผู้หญิงขับรถแย่กว่าผู้ชายจริงมั้ย?

หากเป็นการวัดกันด้วยประสบการณ์ก็อาจจะใช่ แต่ถ้าหากจะวัดกันที่สถิติต้องบอกก่อนเลยว่าผู้หญิงก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด วันนี้เอาสถิติอัพเดทล่าสุดมาคุยกันดีกว่า...

ผู้หญิงขับรถแย่กว่าผู้ชายจริงมั้ย?
เคยได้ยินคำพูดที่ว่า "มนุษย์ป้าขับรถ", "ขับงี้เป็นผู้หญิงแน่เลย" บ้างมั้ย? แน่นอนว่าต้องเคยได้ยินกันมาบ้าง ไม่จากปากคนอื่นก็คนใกล้ตัวเรานั่นแหละ เวลาเจอรถคันไหนที่มีนิสัยไม่ดี ไม่มีมารยาท หรือขับช้าจนน่ารำคาญแบบโนสนโนแคร์ใครทั้งนั้น ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ เชื่อว่าหลายคนมักจะโยนความผิดให้กับผู้หญิง วันนี้เราจะไม่มามโนคุยกัน ไม่เอาประสบการณ์ของใครบางคนมาเล่า แต่จะขอยกข้อมูลและสถิติที่เกิดขึ้นจริงบนท้องถนนว่าใครกันแน่ที่ขับรถแย่

สถิติไม่เคยโกหก
ขออนุญาตหยิบเอาผลสำรวจจาก Thai RSC ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุของประเทศไทยในปี 2566 เกิดขึ้นโดยคนขับที่เป็นผู้ชาย 76.42% เกิดขึ้นโดยคนขับที่เป็นผู้หญิง 23.58% จากค่าเฉลี่ยช่วงอายุสูงสุด 36-60 ปี เกิดขึ้นโดยการขับรถจักรยานยนต์ 80% และรถยนต์ 20% อยากลองชวนคิดว่าสาเหตุอะไร ทำไมผู้ชายที่มั่นใจว่าขับรถดีกว่าผู้หญิงถึงได้มีสถิติเกิดอุบัติเหตุมากกว่าผู้หญิงหลายเท่า หากจะเทียบกันด้วยข้อมูลของตัวเลขที่วัดกันในเรื่องของจำนวนระยะเวลาในการใช้รถ ซึ่งค่าเฉลี่ยออกมาว่าผู้ชายนั้นขับรถมาเป็นระยะเวลานานกว่าผู้หญิง ดังนั้นนี่ใช่มั้ยคือสาเหตุ? คือความมั่นใจในฝีมือของตัวเองเกินไป จนลืมคำนึงถึงความปลอดภัยรึเปล่านะ?

อีกหนึ่งหลักฐานที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ คือ อัตรามรณะ (Mortality Rate) มันคืออัตราความน่าจะเป็นของการตายหรือความน่าจะเป็นที่คนอายุหนึ่งจะเสียชีวิตก่อนที่จะครบอายุถัดไป ซึ่งข้อมูลอัตรามรณะเป็นปัจจัยที่สำคัญปัจจัยหนึ่งในการคำนวณเบี้ยประกันภัย การพยากรณ์อัตรามรณะเป็นตารางที่เหมาะสมและแม่นยำเสมอ สามารถใช้ในการกำหนดเบี้ยประกันภัยและคำนวณเงินสำรองของบริษัทประกันได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเบี้ยประกันภัยของผู้ชายจะสูงกว่าของผู้หญิงในบางช่วงอายุ

ข้อแตกต่างระหว่างผู้หญิงและผู้ชายในขณะขับรถ

อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงข้อมูลจากค่าเฉลี่ยเท่านั้น ยังคงมีผู้ชายอีกหลายคนที่ขับรถได้ดี ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท และก็มีผู้หญิงหลายคนที่ขับรถมีมารยาท รักษากฏระเบียบจราจร ดังนั้นเราจึงไม่อาจสรุปได้ว่าใครกันแน่ที่ขับรถดีกว่ากัน และถึงแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ให้เป็นที่ไม่พอใจในขณะขับรถ ก็ขอให้มีสติและพึงเคารพสิทธิมนุษยชนของกันและกัน น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะไม่ว่าใครก็ไม่ชอบให้ถูกกล่าวหาทั้งๆ ที่ไม่มีมูลด้วยกันทั้งนั้น

เครดิตแหล่งข้อมูล :autospinn