ใช้ความเร็วเท่าไร ประหยัดน้ำมันที่สุด ?


ใช้ความเร็วเท่าไร ประหยัดน้ำมันที่สุด ?

มีสมาชิกสอบถามมาว่า ถ้าไม่คำนึงถึงเรื่องถูกจับ หรือถูกปรับแล้ว และเน้นเรื่องความประหยัดเชื้อเพลิงเป็นหลักแล้ว ควรเลือกใช้ความเร็วอย่างไร ในที่นี้ผมขอเอ่ยถึงเฉพาะรถที่ใช้เครื่องยนต์นะครับ ส่วนรถไฟฟ้า ควรรอให้แพร่หลายกว่านี้ก่อน

ความเร็วที่ใช้ในการเดินทาง คือ ความเร็วคงที่ในเกียร์สูงสุด หรือเกียร์สุดท้ายของรถ ถ้าใช้เกียร์อัตโนมัติก็ในเกียร์จังหวะสุดท้าย และถ้ามีระบบลอคอัพ (LOCK- UP) คลัทช์ ซึ่งต่อตรงโดยไม่ผ่านทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ก็ต้องไปให้ถึงความเร็วที่ระบบนี้ทำงานเรียบร้อยก่อน โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 60-70 กม./ชม. รถเกียร์อัตโนมัติหลายรุ่นด้วยกัน โดยเฉพาะรถญี่ปุ่น เกียร์จังหวะที่ 4 จะเป็นระบบลอคอัพในตัวเลย ถ้าเข้าก็แปลว่า "ต่อตรง" ทันที ระบบแบบนี้จะมีปุ่มปลดเกียร์สุดท้ายให้ผู้ขับเลือก โดยมีคำว่า OVERDRIVE OFF กำกับไว้ กดเมื่อใดระบบควบคุมจะเลือกเกียร์จังหวะสูงสุดแค่รองสุดท้ายเท่านั้น ใช้ตอนที่ต้องเร่งแซงบ่อยๆ เพราะอัตราทดเกียร์สุดท้ายต่ำมาก เนื่องจากเน้นประหยัดเชื้อเพลิง และระบบควบคุมก็ไม่ละเอียดถูกใจเรา พอที่จะเปลี่ยนไปเกียร์ต่ำถัดไป แม้จะเหยียบคันเร่งค่อนข้างลึกแล้ว กดปุ่มนี้แล้วมันจะเปลี่ยนเกียร์ทันทีครับ พอแซงพ้นแล้วค่อยปลดกลับตามเดิม

กลับมาที่รถเกียร์ธรรมดา เพื่อให้เข้าใจเรื่องความเร็วประหยัดน้ำมันที่สุดได้ง่ายกว่าครับ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 50-60 กม./ชม. ตั้งแต่ความเร็วประมาณ 40 กม./ชม. ขึ้นไป กำลังของเครื่องยนต์ส่วนใหญ่ จะใช้ไปกับการดันตัวรถให้แหวก และไล่อากาศหน้ารถ นอกเหนือไปจากส่วนที่ใช้ไปกับแรงเสียดทานในการกลิ้งของล้อ และแรงเสียดทานของระบบขับเคลื่อน ถ้าอยากเข้าใจว่าทำไมส่วนที่ใช้สู้กับแรงต้านอากาศมันถึงมากมายนัก ลองเปิดกระจกตอนรถแล่นด้วยความเร็วแค่ 100 กม./ชม. แล้วยื่นฝ่ามือออกไปขวางดูก็ได้ครับ แรงต้านนี้จะเพิ่มขึ้นในอัตรายกกำลัง 2 ของค่าความเร็ว เช่น แรงต้านอากาศที่ความเร็ว 160 กม./ชม. จะมีค่า 4 เท่า ของที่ความเร็ว 80 กม./ชม. นี่คือสาเหตุที่ผู้ใช้รถส่วนใหญ่ ไม่เข้าใจว่าทำไมยิ่งขับเร็วยิ่งกินน้ำมันมากขึ้น เมื่อเทียบกับระยะทางที่ได้ ทั้งๆ ที่ใช้เวลาขับน้อยลง

สมมติว่าแรงต้านอากาศมันเพิ่มตามสัดส่วนของความเร็ว เช่น เพิ่มความเร็วเป็น 2 เท่า แรงต้านอากาศก็เพิ่มเป็น 2 เท่า (ของจริง 4 เท่า) เราคงไม่ต้องมาเรียกร้องให้ขับช้าเพื่อประหยัดน้ำมันกันอยู่ในขณะนี้ ยกเว้นว่าจะเป็นเรื่องของความปลอดภัย (ซึ่งก็มีเรื่องของยกกำลัง 2 มาเกี่ยวข้องด้วยเหมือนกัน)

ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมความเร็วที่ประหยัดเชื้อเพลิงที่สุด จึงไม่อยู่ที่ค่าต่ำมากกว่านี้ เช่น 30 หรือ 40 กม./ชม. ? สาเหตุอยู่ที่เครื่องยนต์ 2 ประการด้วยกันครับ เพราะที่ความเร็วระดับนี้ ในเกียร์สุดท้าย เช่น เกียร์ 5 เครื่องยนต์จะหมุนช้าเกินไป ให้แรงบิดน้อย จนมีอาการสะดุด หรือกระตุก แล้วถ้าใช้เกียร์ 4 ล่ะ ? ก็ทำได้ครับ แต่จำนวนรอบที่เพลาของเครื่องยนต์หมุนต่อระยะทางที่รถเคลื่อนที่ ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย จึงต้องใช้เชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น แม้จะลดแรงต้านอากาศลงได้บ้าง ก็ยังไม่คุ้ม สู้เกียร์ 5 (หรือเกียร์สุดท้ายที่มี) ไม่ได้ เป็นโชคดีครับ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ก็อาจมีนักขับประหยัด ขับกันแค่ประมาณ 30-40 กม./ชม. บนทางด่วน ทางแสนแพงของเราก็จะยิ่งหมดความคุ้มค่าไปอีก สรุปแล้วต้องเกียร์สูงสุด ซึ่งหลายๆ รุ่นก็ยังขับที่ความเร็วแถวๆ 40 กม./ชม. ได้ แต่ที่ไม่ประหยัดที่สุด เพราะเทคนิคเครื่องยนต์ครับ จังหวะเปิด/ปิดลิ้น หรือวาล์ว ทั้งไอดี และไอเสียถูกเลือกมาให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีที่ความเร็ว (ของเครื่องยนต์) ปานกลาง และสูง ถ้าหมุนช้า ประสิทธิภาพของมันจะลดลง นั่นคือใช้เชื้อเพลิงมากเมื่อเทียบกับกำลังที่มันให้

ด้วยเหตุผลนี้มาผสานกับแรงต้านอากาศที่เพิ่มตามความเร็ว ทำให้รถส่วนใหญ่ มีความเร็วในเกียร์สูงสุด และใช้เชื้อเพลิงน้อยที่สุด อยู่ที่ประมาณ 50-60 กม./ชม. โดยรถเครื่องใหญ่ หรือกำลังสูง จะมีค่านี้ "เคลื่อน" ไปทางด้านบนเล็กน้อย เพราะอัตราทดรวม (ของเกียร์สุดท้าย และเฟืองท้าย) ต่ำกว่า แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรครับ ก็ยังคงอยู่แถวๆ ประมาณ 60 กม./ชม. เท่านั้น แล้วถ้าเน้นการประหยัดเชื้อเพลิง เราควรขับที่ความเร็วที่ว่านี้ หรือไม่ ? ตอบว่าใช่ก็ได้ ตอบว่าไม่จำเป็น ก็ถูกอีกเหมือนกัน ถ้าเรามีกราฟความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงระหว่าง 60-80 กม./ชม. ต่างกันไม่มาก ผิด กับค่าระหว่าง 120-140 กม./ชม. คำตอบสำหรับภาคปฏิบัติก็คือ ถ้าเวลาที่ใช้เดินทางไม่มีความหมาย เช่น ว่างงานอยู่ หรือเป็นวันหยุด แล้วต้องการประหยัดจริงๆ ก็ 55-60 กม./ชม. นี่แหละครับ แต่ถ้าเน้นเวลาที่ใช้เดินทางอยู่บ้าง แล้วยังอยากประหยัด ก็ประมาณ 80 กม./ชม. ครับ เปลืองเชื้อเพลิงขึ้นอีกนิดเดียว ถ้าเวลาเป็นเรื่องสำคัญ ก็เพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก (พร้อมกับเงินค่าน้ำมันด้วย) อย่าให้เกิน 120 กม./ชม. นะครับ ยังมีความเหมาะสมทางเทคนิค และไม่ต้องละเมิดกฎหมายด้วย

สิ่งที่ผมอยากจะเน้นก็คือ ที่จริงแล้วเราไม่ได้ขาดแคลนเวลาจนถึงขั้นวิกฤตจนต้องขับ 160-200 กม./ชม. หรอกครับ ส่วนใหญ่ หรือทั้งหมดก็ว่าได้ เป็นเพราะเราประมาทชะล่าใจ ถือว่าทำความเร็วชดเชยกับเวลาที่สูญไปกับการเถลไถลได้เท่านั้นเอง ถ้าตั้งใจจริง และมีความรับผิดชอบ เกรงใจผู้อื่น ไปทันนัดได้เสมอ โดยไม่ต้องขับเร็วถึงขั้นอันตราย



ใช้ความเร็วเท่าไร ประหยัดน้ำมันที่สุด ?


ใช้ความเร็วเท่าไร ประหยัดน้ำมันที่สุด ?


ใช้ความเร็วเท่าไร ประหยัดน้ำมันที่สุด ?


เครดิตแหล่งข้อมูล :
new.autoinfo


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์