ปี 63 สุดคึกคัก รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) แห่เปิดตัวเพียบ
ปีนี้ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) น่าจะคึกคักอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เพราะมีแนวโน้มว่าจะมีรถหลายๆ รุ่นเข้ามาเปิดตัว
แม้ว่าช่วงทีผ่านมาจะมี อีวี หลายรุ่นเข้ามาทำตลาดในบ้านเราแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เกีย โซล อีวี, ฮุนได ไอออนิค, ฮุนได โคนา, ฟอมม์ วัน, นิสสัน ลีฟ, เอ็มจี แซดเอส อีวี, อาวดี้ อี-ตรอน หรือว่า จากัวร์ ไอ-เพซ แต่ในเชิงการตลาดถือว่าค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากมียอดขายที่ไม่สูงนัก ยกเว้น เอ็มจี แซดเอส อีวี ที่ได้สิทธิพิเศษด้านภาษีนำเข้า 0% จากข้อตกลงเขตการค้าเสรี อาเซียน-จีน ทำให้ตั้งราคาได้ในระดับที่จับต้องได้ง่ายกว่าคือ 1.19 ล้านบาท ขณะที่ อีวี ที่ได้ชื่อว่าขายดีที่สุดในโลก และเป็นอีวีในตลาดแมส อย่างนิสสัน ลีฟ แม้จะได้สิทธิพิเศษจากความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย-ญี่ปุ่น หรือ เจเทปป้า แต่ก็ยังต้องเสียภาษีนำเข้า 20% และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาลีฟขึ้นไปอยู่ที่ 1.99 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นหนึ่งอุปสรรคในการทำตลาด
ส่วนรถรุ่นอื่นๆ ที่เปิดตัว ก็เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม และบางรุ่นก็ยังไม่มีรถพร้อมส่งมอบเต็มที่ เช่น อาวดี อี-ตรอน
ส่วนปีนี้ คาดว่าจะมีหลายรุ่นเปิดตัว และแม้ว่าแต่ละรุ่นจะไม่ใช่ตลาดใหญ่ หรือตลาดแมส แต่ก็มีฐานลูกค้าของตนเองที่รออยู่ จึงจะช่วยให้มีความคึกคักอย่างมาก
ผู้ที่เริ่มต้นก่อนใคร คือ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่เตรียมสิ่ง "มินิ คูเปอร์ เอสอี" เข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการวันที่ 6 ก.ย.นี้ นับว่าเป็นการเปิดตัวที่ค่อนข้างรวดเร็ว เพราะ คูเปอร์ เอสอี เพิ่งเปิดตัวในเวทีโลกไปไม่นาน
มินิ คูเปอร์ เอสอี เป็น อีวี รุ่นแรกที่ทำตลาดในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ แต่ว่าจริงๆ แล้ว มินิ นั้นมองเทคโนโลยี อีวี มายาวนาน โดยปี 2551 หรือย้อนหลังกลับไปเมื่อ 12 ปีที่แล้ว มินิ เปิดตัว "มินิ อี" ออกสู่สายตาชาวโลก โดยมันเป็นเพียงรถต้นแบบเท่านั้น
การทิ้งช่วงระยะเวลาที่ยาวนาน ก่อนเปิดตัวในเชิงพาณิชย์จริงๆ นั้น มินิคงมีหลายเหตุผล ทั้งเรื่องของการต้องการให้การพัฒนาเป็นไปอย่างสมบูรณ์ที่สุด หรือรอให้ตลาดมันร้อนสุดๆ ก่อน หมายถึงความเข้าใจ และความต้องการ อีวี เกิดขึ้นจริงๆ เสียก่อน เพราะหากทำตลาดในช่วงที่ความต้องการยังไม่สูงพอ หรือการรับรู้ของผู้บริโภคยังไม่ดีพอ แน่นอนว่าการออกแบบจะต้องออกแรงมากกว่านี้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่มี มินิ อีวี ออกจำหน่าย แต่การพัฒนาของ มินิ ก็ไม่ได้เสียเปล่า เพราะอย่างน้อย การแตกออกเป็นปลั๊ก-อิน ไฮบริด ก่อนหน้านี้ก็ถือว่าเป็นผลผลิตจากการเริ่มต้นโครงการ อีวี
มินิ คูเปอร์ เอสอี ใช้ขุมพลังจากแบตเตอรีขนาด 32.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 7.3 วินาที โดยมินิบอกว่าสามารถใช้งานได้ระยะทางสูงสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้ง 270 กม. ซึ่งถือว่าเป็นการเคลมระยะทางที่น่าสนใจทีเดียว สำหรับรถที่ใช้แบตเตอรี 32.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง
นอกจากมินิ คูเปอร์ เอสอี ที่ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการรายแรก ปีนี้น่าจะถึงการมาของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิว-ซี เสียที หลังจากที่อีวีรุ่นแรกของค่ายดาวสามแฉก มีแผนเปิดตัวตั้งแต่ปี 2562 แต่ติดปัญหาในการเจรจารายละเอียดกับภาครัฐ
ทั้งนี้เพราะ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย นั้นยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนโครงการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ในส่วนของ อีวี และหนึ่งในเงื่อนไขของภาครัฐ ก็คือให้ผู้ที่ลงทุนสามารถนำรถรุ่นที่จะเปิดสายการผลิตในประเทศเข้ามาทำตลาดได้จำนวนหนึ่ง โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจให้กับตลาด แต่ปัญหาอยู่ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ต้องการได้สิทธิ์ประมาณ 500-600 คัน แต่ทางภาครัฐจะอนุมัติที่น้อยกว่าที่ขอไปมาก ทำให้แผนการเปิดตัวต้องเลื่อนออกไป
อย่างไรก็ตามล่าสุด แหล่งข่าวยืนยันว่าในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะได้เห็น อีคิว-ซี เปิดตัวในไทยแน่นอน โดยมีตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับสิทธิ์ทำตลาด 4 ราย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็เป็นไปได้ว่าการเจรจากระหว่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ กับภาครัฐ มีความคืบหน้าไปมาก
ส่วนรุ่นอื่นๆ ที่จะได้เห็นในปีนี้ ก็คือ ปอร์เช่ ไทคานน์ อีวี ที่พกอารมณ์สปอร์ตมาเต็มตัว รวมถึงรถอย่าง อาวดี้ อี-ตรอน สปอร์ตแบ็ค ที่จะมาเติมกลุ่มอีวี ของอาวดี้ให้หลากหลายมากขึ้น
แม้ว่าปัจจุบันระบบสาธารณูปโภคของ อีวี ยังไม่แพร่หลายนัก แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ปัญหาของกลุ่มรถที่จะเปิดตัวในปีนี้มากนัก เพราะมันคงไม่ใช่รถคันแรกของบ้านแน่นอน แต่เป็นรถที่เสริมการใช้งาน เป็นรถที่เติมเต็มผู้บริโภคที่ชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่ และใช้งานในบางช่วงเวลา บางเส้นทางเท่านั้น
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!