ทุกคนรู้ดีว่ารถยนต์นั้นเป็นหนึ่งสิ่งที่เราต้องใช้ในชีวิตประจำวัน และในปัจจุบันเองรถยนต์ก็มีหลากหลายรุ่น มีการพัฒนามาอยู่ตลอดเพื่อให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของผู้ใช้ เกิดความคุ้มค่า และปลอดภัยมากที่สุด
บวกกับโลกในทุกวันนี้ที่มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งจริงๆ จนเกิดเป็นรถยนต์ที่ใช้กล้องแทนกระจกมองหลังและมองข้างกันแล้ว
ตอนนี้เริ่มมีการผลิตรถยนต์แบบไม่มีกระจกมองหลังและมองข้าง ซึ่งกำลังเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีรถต้นแบบที่น่าจับตามองมากที่สุดในเวลานี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนเลยก็ว่าได้
เพราะเวลาเราขับรถ ผู้ขับขี่ก็ต้องระวังรถทางด้านข้างจากการมองกระจกที่ติดมากับตัวรถทั้งซ้ายขวาและด้านหลัง แต่ตอนนี้จะกลายเป็นกล้องแทน คือการตัดกระจกมองข้างทิ้ง แล้วแทนที่ด้วยกล้องมองข้าง โดยจะติดตั้งอยู่ภายในห้องโดยสารแทน
นอกจากช่วยให้ตัวรถมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นขึ้นแล้ว ยังช่วยลดแรงเสียดทานอากาศและเพิ่มอัตราความประหยัดเชื้อเพลิงด้วย แต่เทคโนโลยีนี้ต้องพึ่งพาหลายปัจจัยทั้งต้นทุน เทคโนโลยี และนโยบายของรัฐบ
ล่าสุดทางค่ายรถยนต์ชั้นนำของโลกเตรียมยื่นเรื่องยกเลิกกฎรถยนต์ที่ต้องติดตั้งกระจกมองข้างในสหรัฐอเมริกา โดยผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายกำลังเตรียมที่จะนำระบบกล้องมอนิเตอร์เข้ามาแทนที่กระจกหลังและกระจกข้างของรถยนต์ภายในอีก 1 ปีข้างหน้านี้
สำหรับการพัฒนานี้ เป็นการปูทางไปสู่เทคโนโลยีใหม่ของรถยนต์ในอนาคต โดยใช้กล้องวิดีโอส่งภาพมาในตัวรถแทนกระจกข้าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการมองทัศนวิสัยรอบตัวรถ นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์เรื่องหลักอากาศพลศาสตร์ ทำให้เพิ่มความเร็วสูงสุด
หากติดตั้งในรถทั้งหมดผลวิจัยชี้ว่าลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันประมาณ 9 ล้านลิตร/ปี และสามารถสร้างสรรค์ดีไซน์ใหม่ๆ ให้แก่รถได้อีกด้วย และแน่นอนว่าเทคโนโลยีใหม่กล้องมองข้างนี้ได้ถูกติดตั้งในรถรุ่นใหม่บ้างแล้ว
ที่น่าสนใจ คือค่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันอย่าง เทสลา (Tesla) เริ่มมองหาหนทางการเลิกใช้กระจกมองข้างอย่างจริงจังแล้ว ทางเว็บไซต์ Automotive News รายงานว่า เทสลาเคยเปิดตัวรถ Model X เวอร์ชั่นต้นแบบที่ไม่มีกระจกมองข้าง แต่เมื่อเปิดตัวรถโปรดักชั่นออกจำหน่ายจริง กลับมีกระจกมองข้างแบบดั้งเดิมติดมาด้วย สาเหตุสำคัญคือการติดตั้งกล้องแทนที่กระจกมองข้างนั้นเป็นการละเมิดกฎหมายของหน่วยงานป้องกันความปลอดภัยบนทางหลวงของสหรัฐ หรือ NHTSA