ขับรถฝ่าหมอกอย่างมีชั้นเชิง เพื่อความปลอดภัย


ขับรถฝ่าหมอกอย่างมีชั้นเชิง เพื่อความปลอดภัย

ในช่วงที่สภาพอากาศแปรปรวนแบบนี้ บางวันร้อน บางวันหนาว บางวันก็ฝนฟ้าคะนอง แถมยังมีฝุ่น PM 2.5 ที่ลอยฟุ้งอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง แบบไม่มีท่าทีว่าจะลดลงง่าย ๆ เลย สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นอุปสรรคในการขับขี่ เพราะมันบดบังทัศนวิสัยในการขับรถ และยังเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุทางรถยนต์ในหลาย ๆ ครั้ง

ขับรถฝ่าหมอกอย่างมีชั้นเชิง เพื่อความปลอดภัย
โดยเฉพาะการขับรถขึ้นเขาไปท่องเที่ยวเมืองหนาวในช่วงนี้ ก็จะได้เจอกับทะเลหมอกที่ลอยอยู่ในระดับต่ำจนส่งผลกระทบต่อการขับขี่ เจอแบบนี้จะเตรียมตัวขับรถยังไงให้ปลอดภัยดีนะ?

ขับรถฝ่าทะเลหมอกอย่างมีชั้นเชิง ปลอดภัยทุกเส้นทาง
เพราะการขับรถยนต์ไม่ยาก แต่การจะขับขี่ได้อย่างมือโปร และปลอดภัยทุกเส้นทางได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน โดยเฉพาะการที่ต้องขับรถยนต์ฝ่าทะเลหมอกหนา ๆ ที่ต้องควบคุมรถให้ดี ทั้งหมอก และเส้นทางที่ลาดชันที่มักจะมาพร้อม ๆ กัน นักขับอย่างคุณจะรับมืออย่างไร rabbit finance มีเคล็ดลับมาบอกแล้วที่นี่

ศึกษาเส้นทางก่อนเดินทาง
หากเส้นทางที่คุณกำลังจะเดินทางไปนั้น เป็นเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ยิ่งเป็นเส้นทางที่มีความชันและยังมีหมอกลง ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงอันตรายสูงขึ้นไปอีก อย่างที่เราเห็นในข่าวกันทุกปีว่ามีอุบัติเหตุทางรถยนต์เกิดขึ้นมากมายในขณะที่รถยนต์เหล่านั้นกำลังเดินทางขึ้นเขาหรือขับรถท่ามกลางหมอกหนา ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ผู้ขับรถไม่คุ้นชินเส้นทาง จึงไม่สามารถควบคุมรถยนต์ได้ดีนัก

การศึกษาลักษณะเส้นทางที่จะไป ก่อนที่จะเดินทางจริง จึงมีส่วนช่วยได้ไม่น้อยเลย เพราะผู้ขับจะได้เตรียมรับมือกับเส้นทางนั้น ๆ ได้ พร้อมทั้งเตรียมการต่าง ๆ เพื่อรับมือกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้น เพราะบางเส้นทางก็จะมีจุดอันตรายที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ




เตรียมรถยนต์ให้พร้อม
เมื่อต้องขับรถขึ้นเขา หรือไปยังสถานที่ที่มีหมอกหนาและอากาศเย็น รถยนต์ที่สภาพไม่สมบูรณ์อาจเกิดปัญหาขึ้นได้ เพราะการเดินทางกับเส้นทางในลักษณะนี้ เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักมาก รวมไปถึงส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์ที่ต้องทำงานร่วมกันอย่าง ยางรถยนต์, ไฟหน้า-หลังของรถยนต์, ที่ปัดน้ำฝน, แอร์รถยนต์ และฟังก์ชั่นอื่น ๆ ในรถยนต์ หากรถยนต์ไปเกิดปัญหาระหว่างเดินทาง นอกจากจะเสี่ยงอันตรายแล้วยังยากต่อการส่งซ่อมอีกด้วย

ถ้ารถยนต์มีสภาพที่สมบูรณ์ ส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์อยู่ในสภาวะที่พร้อมใช้งาน ก็จะช่วยให้คนขับสามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้น มั่นใจในความปลอดภัยได้มากขึ้น เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะเดินทาง ไม่ว่าจะเส้นทางไหน ๆ ก็ควรตรวจสภาพรถยนต์ก่อนทุกครั้ง เช็กความพร้อมของส่วนต่าง ๆ ในเครื่องยนต์ เพื่อให้รถยนต์พร้อมมากที่สุด

จัดการคราบบนกระจก
คราบบนกระจกที่อาจเกิดมาจากการที่รถยนต์เจอฝนหรือเจอกับสิ่งสกปรกต่าง ๆ จนเป็นคราบเกาะอยู่บนกระจก ซึ่งคราบพวกนี้แหละที่จะเป็นอุปสรรคในการมองเห็นเวลาที่ต้องขับขี่ยานยนต์ แนะนำให้ทำความสะอาดกระจกรถยนต์ให้ใสเกลี้ยงก่อนที่จะเดินทาง

กรณีที่กระจกรถยนต์เกิดฝ้าจากหมอกหรือสภาพอากาศที่หนาวเย็น ให้สังเกตดูว่าฝ้าอยู่ด้านในหรือด้านนอกตัวรถ หากเกิดด้านในรถให้ลองลดอุณหภูมิของแอร์รถยนต์ลง หากมีฝ้าด้านนอกให้ปรับอุณหภูมิของแอร์ขึ้นเพิ่มให้อุณหภูมิมีความสมดุลกันและไม่เกิดฝ้า หรือถ้ารถยนต์ของคุณมีโหมดไล่ฝ้า ก็สามารถเปิดใช้งานได้

พยายามอย่าเช็ดฝ้าในขณะที่กำลังขับรถอยู่ เพราะเสี่ยงอันตรายมาก หากต้องการเช็ดฝ้าให้หามุมปลอดภัยจอดรถสักครู่แล้วลงไปเช็ดจะดีกว่า

ขับรถฝ่าหมอกอย่างมีชั้นเชิง เพื่อความปลอดภัย


ขับรถโดยใช้ไฟต่ำ
ถึงแม้การใช้ไฟสูงจะช่วยส่องแสงสว่างได้ไกลกว่า แต่จริง ๆ แล้ว แสงไฟจากการใช้ไฟสูงจะสะท้อนกับหมอกและกลับมารบกวนการมองเห็นของผู้ขับรถยนต์ ทำให้ผู้ขับมองเห็นเส้นทางทั้งด้านหน้าและรอบข้างได้ไม่ชัดเจน และอีกเรื่องหนึ่งคือการใช้ไฟสูงอาจรบกวนการมองเห็นของรถยนต์คันที่กำลังจะขับสวนมาอีกด้วย

เมื่อต้องขับรถยนต์ฝ่าทะเลหมอก ควรใช้ไฟต่ำจะปลอดภัยกว่า หากกังวลว่าไฟต่ำจะทำให้รถยนต์คันอื่น ๆ ที่จะขับผ่านมามองเห็นรถของคุณได้ไม่ชัด แนะนำให้เปิดไฟกระพริบในกรณีที่รถยนต์กำลังอยู่ที่ทางโค้ง ขึ้นเนิน และอยู่ตรงทางแยก เพื่อให้รถยนต์คันอื่น ๆ สังเกตเห็นรถยนต์ของคุณได้ง่ายขึ้นนั่นเอง หรือเปิดโหมดไฟตัดหมอก ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น

รักษาระยะห่าง
เพราะพื้นที่เสี่ยงแบบนี้ การจะขับรถยนต์แบบเดียวกับที่ขับบนท้องถนนในเมืองอย่างทุกวันคงไม่เข้าท่านัก ท่ามกลางเส้นทางที่ลาดชันกับทะเลหมอกที่ปกคลุมอยู่ อย่าเพิ่งโชว์ความเร็วความแรงของรถยนต์ในตอนนี้ ควรขับรถยนต์โดยใช้ความเร็วต่ำแต่คงที่ และเว้นระยะห่างจากรถยนต์คันข้างหน้า โดยรักษาระยะห่างเอาไว้เรื่อย ๆ พยายามอย่าชิดเกินไป เผื่อในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินกับรถยนต์คันหน้า จะได้เบรกรถได้ทัน

อย่าเปลี่ยนเลนตามใจตัวเอง
อย่างที่บอกว่าการขับรถฝ่าทะเลหมอกนั้นเสี่ยงกว่าการขับรถยนต์บนพื้นถนนในเมืองเป็นอย่างมาก จะมาใช้วิธีการขับแบบเดียวกันไม่ได้หรอก โดยเฉพาะการเปลี่ยนเลนตามใจตนเอง เพราะในสภาวะที่ถนนถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ารถยนต์คันที่อยู่ข้างหน้าและคันที่กำลังขับตามมาด้านหลังนั้นจะมองเห็นรถของเราได้ชัดเจนมากแค่ไหน หากต้องการเปลี่ยนเลนจริง ๆ ควรเปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้าไว้ก่อนที่จะเปลี่ยนเลนจราจร อย่างน้อย 60 เมตร เพื่อให้รถยนต์คันที่ขับตามมาด้านหลังสามารถชะลอความเร็วได้ทัน

ดูกระจกมองข้างเสมอ
การขับรถขึ้นเขาหรือขับฝ่าหมอกหนาต้องใช้ความระมัดระวังและต้องใช้สมาธิในการขับขี่สูง ผู้ขับรถยนต์จึงควรสังเกตรถยนต์คันอื่น ๆ ที่อยู่รอบข้าง ด้วยการดูกระจกมองข้างและกระจกมองหลังอย่างสม่ำเสมอ หากเห็นว่ารถยนต์คันหลังอยู่ในระยะที่ใกล้ จะได้ให้สัญญาณไฟได้ถูก และกะระยะได้หากต้องการเบรกรถ เพื่อให้รถยนต์คันหลังสังเกตเห็นสัญญาณไฟและชะลอรถ นอกจากนี้ การสังเกตรอบข้างผ่านการมองกระจกอยู่เสมอ ก็จะทำให้ผู้ขับรู้ว่าขณะนี้สภาวะโดยรอบเป็นอย่างไรบ้าง และต้องควบคุมรถยนต์อย่างไรเพื่อให้เดินทางได้อย่างปลอดภัย

และนี่คือแนวทางในการขับรถยนต์อย่างปลอดภัย เมื่อต้องเจอกับทะเลหมอก เรียกได้ว่าเป็นอีกเส้นทางปราบเซียนที่นักขับต้องเจอสักครั้งหนึ่ง แต่ถ้าเตรียมตัวไปดี ๆ ก็จะสามารถผ่านเส้นทางนี้ไปได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล

ขับรถฝ่าหมอกอย่างมีชั้นเชิง เพื่อความปลอดภัย

เครดิตแหล่งข้อมูล : one2car.com

ขับรถฝ่าหมอกอย่างมีชั้นเชิง เพื่อความปลอดภัย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์