คู่มือซื้อประกันรถยนต์สำหรับมือใหม่อ่านจบเลือกเป็นแน่นอน!


คู่มือซื้อประกันรถยนต์สำหรับมือใหม่อ่านจบเลือกเป็นแน่นอน!

      คู่มือซื้อประกันรถยนต์สำหรับมือใหม่อ่านจบเลือกเป็นแน่นอน! [Update 2019]

    หากกล่าวถึงทรัพย์สินที่เป็นของรักของหวงของทุกคนทุกครอบครัว รถเป็นหนึ่งในลิสต์อย่างแน่นอน เพราะว่ารถยนต์เป็นสินทรัพย์ที่มีราคาแพงที่กว่าจะซื้อได้ก็ต้องใช้เวลาเก็บสะสมเงินอยู่นาน สิ่งที่จะเป็นหลักประกันได้ว่าสามารถรองรับความปลอดภัยหากเกิดกรณีรถยนต์เกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดสูญหาย ถ้าเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินเหล่านี้ การมีประกันรถยนต์ ไว้ก็จะช่วยให้สบายใจและอุ่นใจมากขึ้น ประกันภัยรถยนต์จึงนับว่ามีความสำคัญต่อเจ้าของรถทุกคน การจ่ายเงินเพื่อซื้อ ประกันรถที่เชื่อถือได้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเงินที่จ่ายค่าเบี้ยประกันนั้นจะไม่เสียเปล่า แต่คำถามคือ เลือกแบบไหนจะเกิดประโยชน์สูงสุด

การเลือกซื้อให้คุ้มค่าก็ยากพอ ๆ กับเลือกซื้อรถยนต์เลยทีเดียว ยิ่งสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งหัดใช้รถใช้ถนนคงมองประกันภัยรถยนต์ เป็นเรื่องใหญ่และมีคำถามมากมาย เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเลือกซื้อ การเคลมประกันรถ และข้อควรระวังต่าง ๆ นอกจากนั้นอีกหนึ่งหัวข้อยอดฮิตก็คือคำถามเกี่ยวกับประกันรถยนต์ชั้น 1

เช่น จำเป็นต้องซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1ไหม และการคุ้มครองแตกต่างจากประกันตัวอื่นอย่างไร ทั้งหมดนี้สามารถศึกษาได้ในบทความนี้ เพราะนี่คือคู่มือฉบับสมบูรณ์ของผู้ซื้อประกันมือใหม่ โดยแบ่งเป็นหัวข้อต่างๆ ที่น่าสนใจดังนี้

1.ประกันรถยนต์ชั้น 1 คืออะไร?

     เจ้าของรถยนต์ทุกคนต้องเคยได้ยินคำว่า ประกันรถยนต์ชั้น 1อย่างแน่นอนแต่อาจไม่ใช่ทุกคนที่รู้ความหมายที่แท้จริงของมัน ดังนั้นมาทำความรู้จักกันเลย ... ประกันภัยรถยนต์ ก็คือประกันที่ใช้ในการคุ้มครองรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุบริษัทประกันรถยนต์ จะมีบทบาทในการช่วยออกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าซ่อมแซมรถ ค่าใช้จ่ายในการติดต่อดำเนินเรื่องทางกฎหมาย โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เราทำไว้ นอกจากนี้ตัว ประกันภัยรถยนต์ ยังช่วยชดเชยและเยียวยาคู่กรณีของเราเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมแซมรถ เป็นต้น ซึ่งความคุ้มครองจะครอบคลุมแตกต่างกันไปตามประเภทของประกันรถยนต์หรือเรียกอีกอย่างว่าชั้นของประกันนั่นเองประกันรถยนต์ แบ่งชั้นของประกันออกเป็น 3 แบบ ได้แก่ ชั้น 1 ชั้น 2 และชั้น 3 ซึ่งประกันรถยนต์ชั้น 1ประกันที่ครอบคลุมและคุ้มครองมากที่สุดและจะคุ้มครองแตกต่างกันไปในแต่ละลำดับ

2.ความแตกต่างระหว่างประกันรถยนต์ชั้น 1 กับประกันชั้นอื่น ๆ

     จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นว่าประกันรถยนต์ นั้นแบ่งเป็น 3 ชั้น สิ่งที่แตกต่างกันของ ประกันภัยรถยนต์ แต่ละชั้นก็คือความคุ้มครองที่ระบุในกรมธรรม์ และราคาในการทำประกันรถนั่นเอง ยิ่งคุ้มครองมาก ราคาประกันรถยนต์ ก็จะสูงขึ้นตามความคุ้มครองที่ครอบคลุม ดังนั้นก่อนเลือกซื้อ จึงควรศึกษาความแตกต่างของประกันแต่ละชนิดให้รอบคอบ เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้รถของเจ้าของรถมากที่สุด โดยจะเลือกหยิบเงื่อนไข ประกันภัยรถยนต์ ของ DriveDeeมาเปรียบเทียบความแตกต่างเป็นตัวอย่างให้ดูกันชัด ๆ

เริ่มต้นที่ราคาเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1 ของ DriveDeeที่ 7,000 บาท สำหรับชั้น 2 และ 3 จะมีราคาถูกลงเป็น 6,900 และ 6,100 บาทตามลำดับ โดยประกันรถยนต์ชั้น 1จะคุ้มครองเรื่องความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินของคนภายนอก การเสียหายหรือสูญหายของรถและกรณีเกิดไฟไหม้ คุ้มครองเมื่อมีอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี การชนกับยานพาหนะทางบกค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทางกฎหมายของผู้ขับขี่ แต่ประกันชั้น 2 จะไม่จ่ายในกรณีของอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณีและการชนกับยานพาหนะทางบก และประกันชั้น 3 จะไม่จ่ายทั้ง 2 กรณีที่ประกันชั้น 2 ไม่จ่ายแต่จะลดการคุ้มครองในกรณีไฟไหม้และการสูญหายด้วย ทั้งหมดนี่คือเงื่อนไขสำหรับเบี้ยประกันที่ถูกที่สุดเท่านั้น จริง ๆ แล้วยังมี ประกันภัยรถยนต์ แบบอื่น ๆ ให้เลือกอีกมากมาย

3. เช็คไลฟ์สไตล์และความต้องการของคุณ ก่อนเลือกซื้อประกันรถยนต์
จากหัวข้อที่แล้วที่บอกว่ามีประกันแบบอื่นให้เลือกซึ่งแต่ละแบบก็เหมาะสมกับคนที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน เช่น คนที่มีความเสี่ยงในเรื่องของอุบัติเหตุมากควรเลือก ประกันภัยรถยนต์ ที่เป็นประกันรถยนต์ชั้น 1และมีเบี้ยประกันรถสูงที่สุดเพื่อให้คุ้มครองได้ครอบคลุมมากที่สุด ในขณะที่คนที่มีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุน้อย ก็สามารถเลือกประกันรถที่มีราคาถูกลงมาได้ ดังนั้นก่อนจะเลือกประเภทของประกันรถยนต์ ต้องพิจารณาไลฟ์สไตล์ของตัวเองเป็นอันดับแรก มาถึงตรงนี้อาจจะยังไม่เห็นภาพ จึงจะขอนำของ DriveDee2 แบบมาเปรียบเทียบกับเรื่องไลฟ์สไตล์ที่ต่างกันของผู้ขับขี่ให้ได้ดูกัน โดยจะเลือกแผน ประกันภัยรถยนต์ ชื่อ Save Deeและ Super Deeมาเปรียบเทียบกันโดยการคุ้มครองของทั้ง 2 แผนประกันเหมือนกัน แต่ทำไมราคาเบี้ยประกันรถยนต์ถึงต่างกันหลัก 1,000 บาท ... นั่นก็เพราะเงื่อนไขในการเคลมที่ต่างกัน โดย Super Dee จะเป็นการคุ้มครองแบบไม่มีเงื่อนไข จะเหมาะกับคนที่ใช้รถประจำแม้จะไม่ได้ขับเองก็ตามเพราะแผนนี้จะไม่ระบุเงื่อนไขของผู้ขับขี่ ในขณะที่ Save Dee จะมีระบุเงื่อนไขจึงเหมาะกับคนที่ขับเองและมีฝีมือในการขับรถ มั่นใจว่าจะไม่ค่อยมีอุบัติเหตุ เป็นต้น

4. เลือกเบี้ยประกันรถยนต์อย่างไร ให้เหมาะกับงบประมาณ
ประเด็นต่อมาเป็นประเด็นสำคัญมากสำหรับผู้ที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ นั่นก็คือเรื่องของงบประมาณ เพราะการทำประกันรถนั้นมีค่าใช้จ่ายสำหรับเบี้ยประกันรถยนต์ ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้สำหรับบางครอบครัวก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว แต่ ประกันภัยรถยนต์ ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ดี ดังนั้นทางออกของเรื่องนี้ก็คือการเลือกแผนประกันที่มีเบี้ยประกันไม่สูงจนเกินไปและเลือกที่ความคุ้มครองเท่าที่จำเป็น เพราะหากคุณเป็นคนที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุไม่มาก ก็จะช่วยประหยัดรายจ่ายลงได้ โดยถ้าอยากเลือกประกันรถยนต์ชั้น 1ก็สามารถเลือกแผนที่เบี้ยประกันราคาถูกลงมาได้ เช่นประกันรถยนต์ชั้น1 ของ DriveDeeมีราคาตั้งแต่ 7,000-8,000 บาท โดยแตกต่างกันที่เงื่อนไขเท่านั้น ถ้าแพงมากขึ้นข้อจำกัดในการเคลมประกันก็จะน้อยลง หรือจะเลือกชั้นของประกันรถที่คุ้มครองน้อยลงมาก็ได้ เช่น ประกันชั้น 3 ที่ไม่คุ้มครองกรณีรถหายหรือไฟไหม้ ถ้าคุณคิดว่าอุบัติเหตุกรณีนี้เกิดขึ้นยากในชีวิตของคุณก็สามารถเลือก ประกันภัยรถยนต์ ชั้นนี้ได้

5. จุดที่ต้องให้ความสำคัญในกรมธรรม์ประกันภัย
เมื่อเราตัดสินใจทำประกันรถยนต์นอกจากการเลือกแผนประกันภัยให้เหมาะสมกับการใช้งานแล้ว ผู้ทำประกันรถยังต้องให้ความสำคัญเรื่องรายละเอียดการคุ้มครองในกรมธรรม์ ประกันภัยรถยนต์ ด้วยโดยมีหลายจุดที่ต้องทำการตรวจสอบให้มั่นใจก่อนเซ็นชื่อในเอกสารใด ๆ ก็ตาม

- ตรวจสอบใบอนุญาตผู้ขายประกัน
มีหลายกรณีให้เห็นเรื่องการทำประกัน จากนายหน้าแต่สุดท้ายกลับถูกหลอกโดยมิจฉาชีพในคราบนายหน้าดังนั้นก่อนตัดสินใจทำ ประกันภัยรถยนต์ จึงควรขอดูใบอนุญาตการขายประกันก่อน และเลือกซื้อจากบริษัทประกันที่ไว้ใจได้ มีเว็บไซต์และที่ตั้งของสำนักงานอย่างชัดเจนและควรค้นหาดูการรีวิวจากผู้ซื้อประกันตัวจริงให้ศึกษาก่อนทำประกัน

- ค่าเสียหายส่วนแรก
เป็นค่าเสียหายที่ผู้ทำประกันรถหรือเจ้าของรถต้องจ่ายในเบื้องต้นที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1หรือชั้นใดก็มีค่าใช้จ่ายตัวนี้ โดยแบ่งเป็น 2 แบบ คือ ค่าเสียหายส่วนแรกแบบสมัครใจ เหมาะกับคนที่ขับรถดีไม่ประมาท มั่นใจได้ว่าจะไม่ค่อยเกิดอุบัติเหตุสามารถเลือกจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นกรณีเกิดจากความประมาทไว้ด้วยตัวเอง เพื่อลดค่าเบี้ยประกันลงเป็นการประหยัดเงิน กับอีกแบบคือเป็นค่าเสียหายที่เป็นเงื่อนไขของกรมธรรม์ ที่ต้องจ่ายเมื่อเหตุนั้นเกิดจากความประมาทหรือไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจริง บริษัทสามารถให้ผู้ทำประกันรถยนต์จ่ายค่าใช้จ่ายส่วนแรกนี้ด้วยตัวเอง ดังนั้นต้องอ่านข้อตกลงในกรมธรรม์ให้ดีว่าค่าเสียหายส่วนแรกที่คุณกำลังศึกษานั้นเป็นแบบไหน

- เงื่อนไขในการเคลมประกันรถยนต์
สุดท้ายก็คือเงื่อนไขการเคลมเอาเงินประกันรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุประกันรถยนต์แต่ละแผนจะมีเงื่อนไขแตกต่างกัน เช่น บางแผนมีการระบุว่าจะจ่ายเงินเมื่อผู้ขับรถเป็นชื่อที่อยู่ในสัญญาเท่านั้น ถ้านำรถไปให้คนอื่นขับแล้วเกิดอุบัติเหตุก็จะไม่สามารถเคลมประกันได้เป็นต้น แม้จะเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1ก็มีเงื่อนไขที่ต่างกันในแต่ละแผนดังนั้นเงื่อนไขข้อยกเว้นเหล่านี้จึงควรศึกษาให้รอบคอบก่อนทำสัญญา

6. เคลมประกันรถยนต์อย่างไร ไม่ยุ่งยาก
เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นสิ่งที่เจ้าของรถกังวลก็คือขั้นตอนการเคลมประกัน นี่คือสิ่งที่ควรเตรียมพร้อมเพื่อให้การติดต่อเคลมประกันไม่ยุ่งยากอีกต่อไป ไม่ว่าคุณจะทำประกันรถยนต์ชั้น 1หรือประกันชั้นอื่น ๆ ก็ตาม

- พร้อมกว่าได้เปรียบ
ข้อนี้หมายถึงควรเตรียมพร้อมรับมือกรณีฉุกเฉินด้วยการศึกษาเงื่อนไข ประกันภัยรถยนต์ เอาไว้ล่วงหน้า และควรพกตัวกรมธรรม์ ของประกันรถยนต์ไว้ในรถก็จะช่วยให้การติดต่อประกันรถและการเคลมเป็นไปได้รวดเร็วระหว่างรอเจ้าหน้าที่ควรใช้เวลานี้ในเตรียมเอกสาร เช่น เอกสารเกี่ยวกับรถและผู้ขี่

- ใช้บริการอู่ในเครือของบริษัทประกันรถยนต์
ตามปกติบริษัท ประกันภัยรถยนต์ จะมีอู่หรือศูนย์ซ่อมรถในเครือที่คุ้นเคยกันดีและมีการติดต่อเรื่องการเคลมค่าเสียหายไว้แล้ว จะสามารถเคลมค่าใช้จ่ายได้รวดเร็วหรือทำให้หมดปัญหาเรื่องการสำรองจ่ายล่วงหน้าไปนั่นเอง

7. ข้อควรระวัง! กรณีใดบ้างที่ประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่คุ้มครอง
ไม่ใช่ว่าเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1แล้วจะสบายใจ ขับรถอย่างไม่ระมัดระวัง หรือจะขับตามใจยังไงก็ได้ เพราะจริง ๆ แล้วมีหลายอย่างที่แม้แต่ประกันรถยนต์ชั้น 1ก็ไม่คุ้มครอง อันดับแรกก็คือพฤติกรรมเมาแล้วขับ โดยมีข้อกำหนดของ ประกันภัยรถยนต์ คือต้องมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดต่ำกว่า 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จึงจะได้รับความคุ้มครองจากประกันรถประเด็นต่อมาเกี่ยวกับนักซิ่งรถทั้งหลายทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น ไม่ใช่ว่าทำประกันรถยนต์ แล้วเอารถไปแข่งเมื่อเกิดอุบัติเหตุจนได้รับความเสียหายก็จะได้รับเงินชดเชยจากบริษัทประกันรถเพราะในกรณีนี้ประกันก็ไม่ให้ความคุ้มครองเช่นกัน เพราะมีการใช้ความเร็วมากกว่าที่กฎหมายกำหนดและอาจะมีการดัดแปลงรถเพื่อแข่งและไม่มีการแจ้งให้บริษัททราบ ถึงแม้อุบัติเหตุจะไม่ได้เกิดขณะแข่งแต่รถประเภทนี้ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครอง กรณีจงใจให้เกิดอุบัติเหตุก็เช่นกัน มีหลายกรณีที่เจ้าของรถอยากได้เงินชดเชยจากบริษัท ประกันภัยรถยนต์ จึงจงใจให้เกิดอุบัติเหตุหรือขโมยรถตนเองให้เกิดการสูญหาย กรณีนี้อาจจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายกับเจ้าของผู้เอาประกันรถด้วย เป็นต้น ทั้งนี้ยังมีอีกหลายกรณีที่ต้องทำการศึกษาข้อยกเว้นต่าง ๆ ให้ดีจากเอกสารของกรมธรรม์

8. ต่อประกันรถยนต์อย่างไรให้คุ้มค่า
เมื่อเราทำประกันรถยนต์ จนครบอายุสัญญาก็ต้องมีการต่อประกัน ซึ่งมีเทคนิคการต่อประกันหลายอย่างที่ช่วยลดเบี้ยประกันลง ทำให้การต่อสัญญาประกันรถมีความคุ้มค่าสูงสุด กรณีแรกก็คือการต่อประกันโดยที่ในรอบสัญญาที่หมดไปนั้นไม่มีอุบัติเหตุที่ต้องมีการเคลมประกันมาก่อน ก็จะได้เปอร์เซ็นต์ส่วนลดในการต่อ ประกันภัยรถยนต์ รอบต่อไป เรียกว่าส่วนลดประวัติดี ยิ่งไม่มีการเคลมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เปอร์เซ็นต์ส่วนลดของค่าประกันรถก็ยิ่งสูงขึ้น ก็คือยิ่งประหยัดเงินขึ้นเรื่อย ๆ ต่อมาถ้าหากรอบที่ผ่านมาไม่มีการเคลมประกันแสดงว่าผู้ขับมีความสามารถในการขับขี่ที่ดี กรณีนี้อุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทก็คงเกิดขึ้นยาก ก็สามารถเลือกจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเองเพื่อได้ส่วนลดเบี้ยประกัน ได้เช่นกัน และสุดท้ายก็คือการเลือกระบุชื่อผู้ขับ สำหรับข้อนี้ต้องพิจารณาว่ารถที่ต้องการทำ ประกันภัยรถยนต์ มีผู้ใช้กี่คน ถ้ามีแค่ 1 คนก็สามารถเลือกระบุชื่อเพื่อลดเบี้ยประกันลง และสุดท้ายสำหรับผู้ใช้ที่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1อยู่ ถ้าหากการใช้รถของเราไม่มีความเสี่ยงมาก หรือรถยนต์มีอายุพอสมควรจนไม่น่าเสี่ยงต่อการสูญหายก็สามารถเปลี่ยนจากชั้น 1เป็นชั้นอื่น ๆ ได้เพื่อลดรายจ่ายเรื่องเบี้ยประกันลง

9. ขั้นตอนการต่อประกันรถยนต์
- เตรียมเอกสารของผู้ทำประกันรถทั้งบัตรประจำตัวประชาชนและใบขับขี่โดยสามารถใช้สำเนาเอกสารได้

- เตรียมทำสำเนากรมธรรม์ของรอบปีปัจจุบัน และเอกสารอ้างอิงเดือนที่ต้องต่ออายุ ประกันภัยรถยนต์

- เตรียมสำเนาหนังสือจดทะเบียนรถเพื่อใช้ประกอบการต่อประกันรถยนต์

- การต่อประกันรถยนต์ มีหลายช่องทางโดยอาจเลือกต่อผ่านทางตัวแทนหรือไปต่อประกันรถที่บริษัทโดยตรง แต่ในปัจจุบันมีทางเลือกที่สะดวกมากขึ้น ก็คือการต่อ ประกันภัยรถยนต์ผ่านทางออนไลน์ โดยทำการกรอกข้อมูลและส่งหลักฐานเอกสารต่าง ๆ

- ขั้นตอนสุดท้ายก็คือรอรับหลักฐานการต่อประกันได้ทางไปรษณีย์

10. เลือกซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ไหนดี?
ในปัจจุบันมีบริษัทประกันมากมายที่ให้บริการประกันรถยนต์ โดยต้องทำการเปรียบเทียบและหาข้อมูลผลประโยชน์ที่ผู้ทำประกันจะได้รับให้รอบคอบ ยิ่งประกันรถยนต์ชั้น 1ที่มีเบี้ยประกันราคาแพงด้วยแล้วก็ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ จากในบทความได้มีการยกตัวอย่างข้อมูลแผนประกันรถที่น่าสนใจของ DriveDeeเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพการคุ้มครองต่าง ๆ ได้ง่าย จะเห็นได้ว่า DriveDeeมีแผนประกันรถยนต์ชั้น 1ที่ครอบคลุมและเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ หลากหลาย เช่น แผนประกันรถยนต์Save Dee ที่ตอบโจทย์คนงบน้อยด้วยเบี้ยประกันเพียง 7,000 บาท แผนประกันรถยนต์Super Dee ที่คุ้มครองครอบคลุมไร้เงื่อนไขเหมาะกับคนขี้กังวลและมีความเสี่ยงในการใช้รถใช้ถนนสูง หรือ แผนประกันรถยนต์Flexi Dee ที่ผู้ซื้อประกันรถสามารถออกแบบกรมธรรม์ได้เองตามไลฟ์สไตล์ของคุณ จึงนับว่าตอบโจทย์ผู้ขับที่มีสไตล์แตกต่างกันได้เป็นอย่างดี ถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.drivedee.com/product

     เนื่องจากการทำ ประกันภัยรถยนต์ เป็นเรื่องจำเป็นและควรให้ความสำคัญ โดยผู้ทำประกันรถควรหาข้อมูลและใส่ใจในทุกรายละเอียดของกรมธรรม์ประกันรถยนต์ สำหรับมือใหม่ที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ ก็ควรเลือกซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1เพื่อให้คุ้มครองอย่างครอบคลุมทุกกรณีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างของประกันรถในแต่ละประเภท ความสำคัญของประกันรถยนต์ชั้น 1หรือการเลือก ประกันภัยรถยนต์ ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และงบประมาณ ทั้งหมดนี้สามารถใช้เป็นเช็คลิสต์สำหรับการเลือกซื้อประกันอย่างคุ้มค่า มือใหม่หัดซื้อประกันทุกคนก็อย่าลืมนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ช่วยในการพิจารณาแผนประกันภัยที่โดนใจกันได้เลย


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์