Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

C350e ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งในเรื่อง “สิ่งแวดล้อม” และ“ความประหยัด” แต่ยังคงไว้ซึ่ง “สมรรถนะ” อันทรงพลังด้วยเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด นับเป็นหัวใจสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนารถยนต์ที่ไม่ปล่อยไอเสียเลย (Zero Emission) ในอนาคต โดยรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกรูปแบบการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น การขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบเมื่อขับขี่ภายในเมือง หรือการขับขี่แบบไฮบริดที่ผสมผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ทั้งความประหยัดและการตอบสนองที่รวดเร็ัว พร้อมมอบสุนทรียะทุกครั้งที่ขับขี่” 

Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

 ราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 2.9 ล้านกว่าบาทเท่านั้น?

C350e Exclusive ราคา 2,990,000 บาท
C350e AMG Dynamic ราคา 3,340,000 บาท
C350e Estate AMG Dynamic ราคา 3,690,000 บาท



ตารางการผ่อนเริ่มต้นเพียง 2 หมื่นกว่าบาทเท่านั้น!


 รูปลักษณ์ภายนอกของ Mercedes Benz C-Class C350e 2016 

Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

C-Class Saloon ใหม่เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รูปแบบที่ทันสมัยฉีกตัวเองออกจากรุ่นก่อนๆ อย่างชัดเจน การประสานสอดรับอย่างกลมกลืนของเส้น มุม และความโค้งเว้าของพื้นผิว ก่อให้เกิดรูปแบบที่พริ้วไหวและการตัดกันที่นำสู่ความประทับใจตลอดทั้งคัน

Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

ส่วนด้านหน้าของตัวรถถูกกำหนดอย่างชัดเจนด้วยการออกแบบและชุดอุปกรณ์ที่ประกอบด้วยกระจังหน้าแบบคลาสสิคในรูปแบบ 3 มิติ หรือสปอร์ตที่มีสัญลักษณ์ดาวสามแฉกขนาดใหญ่อยู่กึ่งกลางกระจังหน้า ช่องดักอากาศขนาดใหญ่และโครงร่างของไฟหน้าที่เฉียบคมชัดเจน (ทั้งกลางวันและกลางคืน) เพื่อแสดงให้เห็นถึงใบหน้าแบบคลาสสิคที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองของ C-Class Saloon ใหม่

Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

แนวเส้นสันไหล่ที่โดดเด่นลื่นไหลอย่างเรียบง่าย ส่วนด้านท้ายที่แสดงออกถึงความประณีตชัดเจน ย้ำถึงมิติความกว้างของรถและสูบฉีดเสน่ห์ของพลังในการขับเคลื่อน ด้วยรูปแบบสปอร์ตล้ำสมัยสำหรับ C-Class Saloon ใหม่ในแต่ละรูปแบบของการออกแบบ

Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

 Mercedes-Benz C350e เป็นรถยนต์รุ่นที่สองของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ใช้เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด รุ่นนี้มาพร้อมกับตัวถังที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า โดยมีให้เลือกสรรทั้งในแบบซีดานและเอสเตท โดยภายนอกที่ยังคงรูปลักษณ์อันโดดเด่น เร้าใจ และดูปราดเปรียวในทุกมิติตามสไตล์ ด้วยกระจังหน้าแบบคลาสสิคที่มาพร้อมกับโลโก้เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมฟังก์ชั่น AIRPANEL ซึ่งสามารถเปิด-ปิดได้อัตโนมัติ เพื่อช่วยให้ค่าสัมประสิทธิ์ความเสียดทาน พร้อมกับการระบายอากาศที่ดียิ่งขึ้น และไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System ที่มาพร้อมกับระบบไฟส่องสว่างอัจฉริยะ

Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)


Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)


Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)


Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)


Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

 รูปลักษณ์ภายในของMercedes Benz C-Class C350e 

Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

ด้านดีไซน์ภายในนั้น เน้นความหรูหรา ด้วยแผงคอนโซลกลางที่สร้างเป็นชิ้นเดียวกับพนักวางแขนซึ่งถูกออกแบบอย่างทันสมัย พร้อมด้วย Touchpad ที่ติดตั้งบริเวณที่พักแขน ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์เครื่องเสียง อาทิ วิทยุ-ซีดี MB Audio 20 ที่บริเวณคอนโซลได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส

Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

พลังของการดึงดูดความสนใจที่แข็งแกร่งจากการออกแบบภายนอกของ C-Class Saloon ใหม่ ยังคงไหลลื่นต่อเนื่องเข้าสู่ภายในห้องโดยสาร การเคลือบเงาและวัสดุคุณภาพสูง รูปแบบความเป็นสปอร์ตคาร์ที่ทันสมัย โทนสีที่บ่งบอกถึงความมีรสนิยมและการแสดงรายละเอียดอย่างชาญฉลาด สร้างสรรค์ให้เกิดบรรยากาศของความสงบเยือกเย็นและความเชื่อมั่นได้อย่างง่ายดาย

วัสดุระดับพรีเมี่ยมถูกนำมาใช้สำหรับการตกแต่งแผงประตูและแผงหน้าปัด เพิ่มเติมประสบการณ์ของความมีคุณภาพสูงของการออกแบบตกแต่งภายในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี การออกแบบใหม่ของคอนโซลกลางให้ความชัดเจน คุณภาพที่โดดเด่นและการออกแบบที่กะทัดรัด การออกแบบไฟส่องสว่างในห้องโดยสารแบบอเนกประสงค์ให้ผลที่เกิดขึ้นจากการส่องสว่างในรูปแบบพิเศษ และก่อให้เกิดความรู้สึกและอารมณ์ของความสุขสบาย

Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

ปุ่มฟังก์ชัน 12 ปุ่มที่ออกแบบและวางตำแหน่งอย่างถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ของพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันควบคุมการแสดงข้อมูลเมนูบนแผงหน้าปัดและหน้าจอแสดงข้อมูลวิทยุ / COMAND Online ทางด้านขวามือของผู้ขับขี่ใช้สำหรับปรับระดับเสียงของอุปกรณ์วิทยุ โทรศัพท์และระบบนำทาง

Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

ระบบมัลติมีเดียนี้ประสานระบบเอนเตอร์เทนเมนท์เข้ากับการให้ข้อมูลและการติดต่อสื่อสาร วิทยุ Audio 20 CD พร้อมแป้นสัมผัส ระบบนำทาง วิทยุ ปุ่มจูนเนอร์คู่และเครื่องเล่น CD รวมถึงการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่รองรับระบบการเชื่อมต่อ Bluetooth® 

แป้นสัมผัสรวมอยู่ในชุดพนักวางแขนของคอนโซลกลาง เพิ่มทางเลือกในการป้อนข้อมูลสำหรับควบคุมระบบมัลติมีเดียและการจดจำลายมือเขียน รวมถึงคุณสมบัติการใช้งานในแบบสัมผัสจุดเดียวและหลายจุด

โปรแกรมการค้นหาเว็บสามารถใช้ได้โดยการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth® พร้อมทางเลือกข้อมูล การเชื่อมต่อ Bluetooth® โดดเด่นมากขึ้นด้วยฟังก์ชันระบบแฮนด์-ฟรีและการรับสัญญาณเสียงไปยังคอมพิวเตอร์ผ่านอินเทอร์เน็ตสำหรับการเล่นไฟล์เพลง

ระบบนี้ ให้คุณสามารถถ่ายทอดการติดต่อจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปยังหน่วยแสดงข้อมูลด้านหน้าผู้ขับขี่ (head unit) หากมีฟังก์ชันสนับสนุน PBAP (โปรไฟล์การเข้าถึงสมุดโทรศัพท์) เครื่องเล่น CD สามารถใช้เล่น MP3, WMA, WAV และ ไฟล์ AAC ได้ด้วย ฟังก์ชัน Cover ART ใช้แสดงปกอัลบั้มในเมนูวิทยุ

ข้อมูลเทคนิคและฟังก์ชันของวิทยุ Audio 20 CD :

ถ่ายทอดการติดต่อจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปยังชุดแสดงข้อมูลด้านหน้า
กำลังขับ 4 x 25 วัตต์ พร้อมการเพิ่มเบสหน้า
ระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อมฟังก์ชันแฮนด์-ฟรี และการรับสัญญาณเสียงไปยังคอมพิวเตอร์ผ่านอินเทอร์เน็ตสำหรับเล่นไฟล์เพลง
ครื่องเล่น CD ที่ใช้เล่น MP3/WMA, AAC/WAV ได้
ฟังก์ชัน Cover Art : แสดงหน้าปกอัลบั้มในเมนูวิทยุ
ควบคุมระดับเสียงตามความเร็วรถ ระดับเสียงเพิ่มขึ้นจากความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
จอ TFT ขนาด 17.78 ซม.ความคมชัดสูง รายละเอียด 800 x 480 พิกเซล
ช่องเสียบเชื่อมต่อสื่อบันเทิงสำหรับ iPod® หรือ iPhone®
การควบคุมเสียง (เบส,แหลม, เลือน,สมดุล)
ระบบรับ-ส่งข้อมูล RDS/ปุ่มปรับคู่พร้อมวงจรถอดรหัสการจราจร (TP/TA)
แยกการควบคุมระดับเสียงของวิทยุและโทรศัพท์
แป้นสัมผัสสำหรับเมนูการใช้งานและสำหรับการป้อนข้อมูลด้วยลายมือ
ช่องเสียบ USB 2 ช่องและช่อง SD card ในพนักวางแขนกลาง สำหรับอุปกรณ์เสียงและวีดีโอแบบพกพา (ใช้ร่วมกับ Garmin® MAP PILOT หรือการติดตั้งล่วงหน้าสำหรับ Garmin® MAP PILOT)

Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

อะไรคือวิธีที่ดีที่สุดในการประหยัดน้ำมันเชื่อเพลิงและลดระดับค่าไอเสีย? ดับเครื่องยนต์เมื่อไม่จำเป็นต้องใช้งาน เครื่องยนต์หยุดทำงานเมื่อรถยนต์จอดอยู่กับที่ เครื่องยนต์ทำงานเมื่อปล่อยแป้นเบรก สิ่งเหล่านี้คือขั้นตอนทั่วไปในรถยนต์ของเรา

เครื่องยนต์ตัดการทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อรถยนต์จอดอยู่กับที่ ตัวอย่างเช่น เมื่อต้องจอดรถต่อท้ายแถวเป็นระยะทางยาวหรือติดสัญญาณไฟจราจร ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงและการปล่อยไอเสีย ซึ่งระบบ ECO start/stop สามารถปิดระบบเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งาน

Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)


Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)


Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)


Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

 เครื่องยนต์ Mercedes Benz C-Class C350e และ ระบบความปลอดภัย


ด้านเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ความจุกระบอกสูบ 1,991 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที โดยในรุ่นซีดานมีแรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,200-4,000 ต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.

          รุ่นตัวถังเอสเตท มีแรงบิด 300 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,200-4,000 ต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 246 กม./ชม. ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย

Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

นับเป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 ในตระกูล The new C-Class ที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริดต่อจากรุ่น C 300 BlueTEC Hybrid ที่เป็นไฮบริดธรรมดา มีตัวถังให้เลือกแบบซีดานและเอสเตท

          จุดที่เปลี่ยนหลัก ๆ เลยคือนวัตกรรมปลั๊กอินไฮบริด ที่ทดสอบอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในโหมดไฮบริดถึง 47.5 กม./ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 58 กรัม/กิโลเมตรในรุ่นซีดาน และ 54 กรัม/กิโลเมตรในรุ่นเอสเตท

          และความที่เป็นปลั๊กอินไฮบริด จึงเปล่ยนเป็นแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ขนาดความจุ 6.38 กิโลวัตต์ น้ำหนักประมาณ 100 กิโลกรัม ไว้ที่ใต้เพลาขับด้านหลัง ซึ่งมีระบบหล่อเย็นจากน้ำ และฝาป้องกันการกระแทกที่ผลิตจากแผ่นโลหะปิดทับไว้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด โดย

          แบตเตอรี่นี้สามารถชาร์ตไฟให้เต็มได้ภายในเวลา 3 ชั่วโมงด้วยไฟบ้าน 220V พร้อมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าอย่างเดียว (EV Mode) ได้ไกลถึง 33 กิโลเมตร

Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

โหมดการขับขี่ Mercedes Benz C350e สามารถเลือกโหมดการทำงานของระบบ Plug-In HYBRIDได้ถึง 4 แบบ

          HYBRID : การทำงานในรูปแบบนี้ รถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยระบบจะเน้นไปที่การใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนให้มากที่สุด และใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเท่าที่จำเป็น หากกระแสไฟในแบตเตอรี่มีปริมาณต่ำกว่า 20 % ระบบจะใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเท่านั้น และถ้าผู้ขับขี่ปรับเกียร์อัตโนมัติเป็นโหมดสปอร์ต (S) รถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว มอเตอร์ไฟฟ้าจะไม่ทำงาน
 
          E-MODE :  สามารถขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ (ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว)ได้จนถึงความเร็ว 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นระยะทางสูงสุด 31 กิโลเมตรโดยไม่มีการคายไอเสีย (ขึ้นอยู่กับระดับพลังงานของแบตเตอรี่และความเร็วที่ใช้) โดยเฉพาะการขับขี่ในเมืองที่การทำงานของระบบนี้สามารถครอบคลุมการใช้งานได้เป็นอย่างดี ผู้ขับขี่จะต้องไม่กดแป้นคันเร่งจนเกินแรงต้าน หากกดแป้นคันเร่งเกินแรงต้านเมื่อใด เครื่องยนต์จะเข้ามาทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนรถยนต์ทันที

 E-SAVE : ในขณะที่เริ่มต้นใช้ E-SAVE ระดับกระแสไฟฟ้าที่มีอยู่ในแบตเตอรี่ high-volt ในขณะนั้นจะถูกบันทึกค่าไว้ จากนั้นระบบจะใช้เครื่องยนต์เป็นหลัก ในการขับเคลื่อน ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าจะถูกใช้น้อยที่สุด เพื่อรักษาระดับกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่ให้มีปริมาณเท่าเดิมกับตอนเริ่มต้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีการวางแผนการเดินทางล่วงหน้า ว่ากำลังจะต้องเดินทางเข้าเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น หลังจากชาร์จแบตเตอรี่ high-volt จนเต็มแล้ว ควรเลือก E-SAVE ในการเริ่มต้นเดินทางก่อนที่จะเข้าเมือง เมื่อขับถึงในเมืองก็จะมีปริมาณกระแสไฟสูงสุดที่จะใช้ E-MODE  สำหรับการเดินทางในเมืองได้อย่างเต็มที่

          CHARGE : การทำงานในรูปแบบนี้ รถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ เพียงอย่างเดียว โดยแบตเตอรี่ high-volt จะถูกรักษาระดับการชาร์จให้อยู่ใน ระดับปานกลางในขณะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ และจะไม่มีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ในการขับเคลื่อนเลยเพื่อให้เกิดการชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ high-volt อย่างต่อเนื่อง แรงหมุนของเครื่องยนต์จะถูกนำมาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า ไปสะสมไว้ในแบตเตอรี่และจะมีการแปลงพลังงานจลน์ที่เกิดจากการชะลอความเร็วหรือการเบรกให้แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าและเก็บสะสมไว้ ในแบตเตอรี่อีกด้วย เมื่อชาร์จไฟเต็ม ระบบจะปรับไปที่การทำงานในรูปแบบ E-SAVE โดยอัตโนมัติ

Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

ขั้นตอนที่ 1: ระบบความปลอดภัยในขณะขับขี่
อุบัติเหตุส่วนใหญ่มีจุดเริ่มต้นล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดการชนปะทะขึ้นจริง เนื่องจากการขาดสมาธิ ทัศนวิสัยไม่ดีหรืออันตรายที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมแนวคิดด้านความปลอดภัยของเมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงได้เตรียมหลากหลายมาตรการเพื่อช่วยให้การขับขี่รถยนต์ในชีวิตประจำวันเป็นไปด้วยความปลอดภัย ปราศจากความตึงเครียดและเพื่อช่วยทำให้สถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆที่เกิดขึ้นอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)
ในระหว่างการเบรกกะทันหันระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ให้มากขึ้นโดยป้องกันไม่ให้ล้อเกิดการล็อกตัว ช่วยให้ผู้ขับขี่ยังคงควบคุมรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ในกรณีการขับขี่หลบหลีกสิ่งกีดขวางหรือการเบรกบนพื้นผิวถนนเปียกลื่น

ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติพร้อมเซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด ( PARKTRONIC)
เมื่อการจอดรถกลายเป็นความเพลิดเพลิน ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติช่วยหาพื้นที่ว่างสำหรับจอดรถทั้งในแนวขนานและพื้นที่ว่างในแนวตั้งฉากรวมถึงการออกจากพื้นที่แนวขนาน ระบบนี้เข้าควบคุมการหมุนของพวงมาลัยเพื่อเข้าสู่พื้นที่จอดรถโดยอัตโนมัติให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องทำหน้าที่บังคับทิศทางและการเบรกโดยไม่จำเป็น

หากรถยนต์กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะแนะนำว่าพบพื้นที่สำหรับจอดรถที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ ระบบจะตรวจสอบและหาพื้นที่ว่างทางด้านขวาของถนน แต่เมื่อสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายถูกใช้งานระบบจะตรวจดูทางด้านซ้ายของถนนด้วยเช่นกัน

หากผู้ขับขี่เข้าเกียร์ถอยหลังและยืนยันพื้นที่จอดรถที่แนะนำ ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติจะทำหน้าที่ควบคุมการหมุนของพวงมาลัยจนสิ้นสุดขั้นตอน ผู้ขับขี่เพียงแค่ทำหน้าที่ประคองแป้นคันเร่งและแป้นเบรกเท่านั้น การเคลื่อนที่สูงสุดเพียง 7 ครั้งเท่านั้นที่ใช้สำหรับการจอดรถ

ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ :

เซ็นเซอร์อัลตร้าโซนิก 12 ตำแหน่งสำหรับการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ
สวิตช์ ON/OFF สำหรับเซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด PARKTRONIC
ผู้ขับขี่สามารถเข้าแทรกแซงการทำงานได้ตลอดเวลา
ความสามารถในการจอดรถในที่คับแคบและต้องขยับหมุนพวงมาลัยหลายครั้ง
ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไปด้วยความช่วยเหลือในการหาพื้นที่สำหรับนำรถเข้า จอด
การนำรถเข้าจอดที่ง่ายและสะดวกเป็นผลจากระบบบังคับเลี้ยวแบบอัตโนมัติและการแทรกแซงการทำงานของเบรก
เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด PARKTRONIC ส่งสัญญาณเตือนด้วยภาพและเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่รับรู้ถึงสิ่งกีดขวางทางด้านหน้าและหลังของรถ
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
เราเฝ้ามองคุณอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยจิตสำนึกด้านความปลอดภัยของคุณเท่านั้น การวิเคราะห์การขับขี่ของคุณให้ความมั่นใจว่าคุณจะจดจำช่วงเวลาสำหรับการพักผ่อน เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง

โดยเฉพาะการขับขี่ระยะทางไกลและเมื่อต้องขับขี่ในเวลากลางคืน ระบบนี้สามารถเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ให้มากขึ้นบนพื้นฐานกิริยาท่าทางของผู้ขับขี่ ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่รับรู้ได้ถึงสัญญาณของความเหนื่อยล้าและการขาดความเอาใจใส่อย่างรุนแรง และส่งสัญญาณเตือนให้รับรู้ถึงอาการหลับในที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยสัญญาณภาพและเสียง

ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE
เราจัดลำดับความปลอดภัยในรถยนต์ของเรา เริ่มต้นจากอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบปกป้องเพื่อป้องกันคุณในสถานการณ์ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทุกวันบนท้องถนน

ระบบเบรกเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในการขับขี่ ประการแรกช่วยในการขับขี่หลบหลีกสิ่งกีดขวางขณะเบรกโดยการใช้ฟังก์ชันพื้นฐานของระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ขณะที่ฟังก์ชันความสะดวกสบายช่วยให้การขับขี่ในชีวิตประจำวันง่ายมากขึ้น

ด้วยการเตรียมพร้อมของเบรก ผ้าเบรกพร้อมจะทำงานทันทีที่ผู้ขับขี่ถอนเท้าออกจากแป้นเหยียบคันเร่งอย่างกะทันหัน เวลาเป็นสิ่งที่มีค่ามากยิ่งขึ้นด้วยผลจากเวลาการตอบสนองของเบรกที่น้อยลงและยังสามารถลดระยะหยุดให้สั้นลงอีกด้วย

ระบบนี้เข้าแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือการทำงานของผู้ขับขี่บนเส้นทางลาดชัน ทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความผ่อนคลายมากขึ้น ฟังก์ชัน Hill-Start Assist ป้องกันไม่ให้รถยนต์เคลื่อนที่ถอยหลังเมื่อเปลี่ยนตำแหน่งการวางเท้าจากแป้นเบรกไปยังแป้นคันเร่ง

สุดท้าย ฟังก์ชันการทำให้เบรกแห้ง เพิ่มความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น ในสภาพพื้นผิวเปียกการจับตัวของเบรกเป็นจังหวะสั้น ๆโดยไม่มีการส่งสัญญาณให้ผู้ขับขี่รับรู้ แต่ให้ความมั่นใจได้ว่าน้ำที่เกาะตัวเป็นแผ่นฟิล์มบนจานดิสก์เบรกจะถูกทำให้หมดสิ้นไป และเวลาการตอบสนองของเบรกจะรวดเร็วขึ้นมาก



ไฟหน้าแบบ Led Intelligent Light System
เฝ้าดูว่ารถยนต์ของคุณถูกจับตาดูอย่างไรด้วย และการตอบสนองต่อสภาพอากาศที่แตกต่าง เงื่อนไขของแสงและการขับขี่หมายถึงความต้องการที่แตกต่างกันของระบบไฟส่องสว่างของรถ

เพื่อทัศนวิสัยที่ดีขึ้นบนถนนในเขตชนบทหรือเส้นทางมอเตอร์เวย์ เมื่อเลี้ยวหรือเข้าโค้ง ระบบ LED ส่องสว่างอัจฉริยะจะปรับการทำงานไปตามสถานการณ์ของแสงและการขับขี่ นอกเหนือจากความโดดเด่นของการดึงดูดความสนใจในการมองเห็น เทคโนโลยี LED ยังให้กำลังของแสงส่องสว่างที่ดีเยี่ยมพร้อมไปกับการลดความสว่างจ้าของแสงไปในเวลาเดียวกัน

สีของไฟหน้า LED มีความใกล้เคียงกับสีที่เกิดจากการหักเหของแสงในเวลากลางวันมากกว่าไฟหน้าแบบซีนอน ทำให้ง่ายต่อการมองเห็นของผู้ขับขี่ การใช้เทคโนโลยี LED อย่างเหมาะสม ทำให้มั่นใจได้ว่าไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนหลอดไฟตลอดอายุการใช้งานของรถ

ไม่จำเป็นต้องค้นหารถของคุณ ฟังก์ชัน “Coming Home” ด้วยไฟระบุตำแหน่ง LED สีน้ำเงินที่ใช้รีโมทคอนโทรลในการเปิด / ปิดให้คุณไม่ต้องเสียเวลาในการค้นหาตำแหน่งรถของคุณ

อุปกรณ์ระบบอื่น ๆ ประกอบด้วย :

ฟังก์ชันปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS - Active Light System ) ขยายขอบเขตการส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง
ไฟตัดหมอกที่ยกระดับการทำงานขึ้นเพื่อเพิ่มการกำหนดตำแหน่งในสภาพทัศนวิสัยที่ไม่ดี
ฟังก์ชันเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง ( Cornering light ) ทำงานอย่างเป็นอิสระ

คลิกดูภาพขยาย
กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (อุปกรณ์ติดตั้งเพิ่มเติม)
กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถให้ความสะดวกสบายและเพิ่มความปลอดภัย กล้องนี้ติดตั้งรวมอยู่ในฝากระโปรงหลัง แสดงพื้นที่ด้านหลังรถบนจอแสดงข้อมูลส่วนกลาง ภาพที่ได้จากกล้องไม่เพียงทำให้การจอดรถเป็นได้ด้วยความสะดวกและง่ายมากขึ้น หากยังช่วยในการขับขี่บนสภาพเส้นทางที่จำกัดทัศนวิสัยในการมองเห็นอีกด้วย

ขั้นตอนที่ 2 : ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
เมอร์เซเดส-เบนซ์ยึดมั่นในความปลอดภัยของรถยนต์ นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไม ยนตรกรรมของเราจึงให้ความช่วยเหลือผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างเต็มที่แม้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้นความปลอดภัยในทุกการเดินทางจึงมีความสามารถที่จะเป็นไปได้

ขั้นตอนที่ 3 : ในระหว่างการเกิดอุบัติเหตุ
รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีระบบความปลอดภัยที่หลากหลายเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์เลวร้ายจนถึงขีดสุดจนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น หลากหลายมาตรการด้านความปลอดภัยที่ครอบคลุมทุกชีวิตในห้องโดยสารจะถูกกระตุ้นให้ทำงาน เพื่อปกป้องและป้องกันทุกชีวิตภายในรถรวมถึงผู้ใช้รถใช้ถนนอื่น ๆด้วย

ถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
รถยนต์ของเรานำเสนอเทคโนโลยีความปลอดภัยที่หลากหลาย หลายสิ่งในจำนวนนั้นคุณไม่ได้เห็นและเป็นสิ่งที่ดีที่มีสิ่งเหล่านี้อยู่ด้วยในกรณีที่สถานการณ์เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้น เพื่อปกป้องคุณและผู้โดยสารของคุณ

ในการชนปะทะถุงลมนิรภัยนี้ช่วยป้องกันร่างกายส่วนบนและศีรษะของผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้ารวมถึงเสถียรภาพความมั่นคงของร่างกายโดยรวมอีกด้วย ถุงลมนี้สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดการบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ระดับการพองตัวของถุงลมนิรภัยจะสัมพันธ์กับระดับความรุนแรงของการชนปะทะ

เซ็นเซอร์ตำแหน่งเบาะที่นั่งทำงานโดยอัตโนมัติ สามารถตัดการทำงานของถุงลมนิรภัยเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าในกรณีที่ไม่มีผู้โดยสารอยู่ในตำแหน่งเบาะนั่งด้านหน้า รวมถึงตัดการทำงานเมื่อตรวจพบว่ามีการติดตั้งเบาะนั่งเด็กด้านหน้า

ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
ในการชนปะทะทางด้านข้าง ถุงลมนิรภัยด้านข้างช่วยป้องกันส่วนของร่างกายช่วงบนและพื้นที่บริเวณกระดูกเชิงกรานของผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า นอกจากนี้ช่วยเสริมเสถียรภาพความมั่นคงของร่างกายโดยรวมด้วย ถุงลมนิรภัยนี้สามารถลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น

ม่านหน้าต่างนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
ขั้นตอนที่ 4 : หลังเกิดอุบัติเหตุ
เพื่อลดอันตรายที่เกิดขึ้นหลังเกิดอุบัติเหตุและช่วยสนับสนุนการทำงานของการเข้าให้ความช่วยเหลือ หลากหลายวิธีการที่แตกต่างกันถูกกระตุ้นให้ทำงานทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทและระดับความรุนแรงของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น

การป้องกันที่ดีที่สุด : เครื่องยนต์สามารถตัดการทำงานโดยอัตโนมัติรวมถึงการตัดการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง
ระบบไฟส่องสว่างสะดุดสายตา : ไฟฉุกเฉินและไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารสามารถทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนและช่วยระบุตำแหน่งของรถ
การออกจากห้องโดยสารง่ายขึ้น : กลไกการล็อคของประตูห้องโดยสารสามารถปลดล็อกตัวเองโดยอัตโนมัติ
มาตรการเพิ่มความช่วยเหลือ : จุดรับแรงปะทะระหว่างปีกข้างและประตูห้องโดยสารช่วยให้ประตูเปิดออกได้ง่ายขึ้นหลังการชนปะทะจากทางด้านหน้า

Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

ระบบนี้โดดเด่นด้วยระบบกันสะเทือนแบบ selective และ passive ให้การขับขี่ที่นุ่มนวลสะดวกสบายและสมดุลโดยปรับการโคลงตัว การสั่นสะเทือนและเสถียรภาพในแนวนอนตามสถานการณ์ของพื้นถนน

การดูดซับแรงสั่นสะเทือนที่ดีเยี่ยมช่วยลดผลที่เกิดขึ้นจากการสั่นสะเทือนให้เหลือเพียงแรงเขย่าเล็กน้อยและเพิ่มความนุ่นนวลสะดวกสบายในการขับขี่ ระบบ passive damping ให้เสถียรภาพความมั่นคงของรถที่ดีเยี่ยมเมื่อพบการกระแทกอย่างรุนแรงบนพื้นผิวถนนที่ไม่ราบเรียบ

Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

เกียร์ธรรมดาหรืออัตโนมัติ? จุดเด่นของเทคโนโลยีระบบส่งกำลังของเราคือคำตอบของคุณสมบัติในรูปแบบที่ไม่มีใครลอกเลียนได้ ด้วยความนุ่มนวลสะดวกสบายของการเดินทางในระดับที่สูง การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ในแบบของรถแข่งและความสามารถของการลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

สัมผัสที่ดีขึ้น : การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ที่นุ่มนวลของระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะเป็นสิ่งที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง อะไรคือการยอมรับ คำตอบคือพละกำลังของเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง 7G-TRONIC PLUS ส่งมอบสมรรถนะที่โดดเด่นแม้ในรอบเครื่องยนต์ต่ำ ขณะที่เสียงที่เกิดขึ้นรับรู้ได้เพียงเล็กน้อยหรือแทบจะไม่ได้ยินเลย

ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ ผสมผสานความสะดวกสบายระดับสูงกับความพึงพอใจในการขับขี่และประสิทธิภาพ ความประทับใจที่มาพร้อมกับการทำงานที่นุ่มนวลและความรวดเร็วในการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ ขณะเดียวกันระบบส่งกำลัง 7G-TRONIC PLUS ยังมีส่วนร่วมในการลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงและการปล่อยไอเสียอีกด้วย

คุณสามารถเรียกสมรรถนะความรวดเร็วมาใช้ได้ตลอดเวลา ความสามารถในการเปลี่ยนเกียร์แบบข้ามจังหวะเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ หากต้องการเรียกศักยภาพของอัตราเร่งมาใช้ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที และฟังก์ชัน ECO start/stop ที่รวมอยู่ด้วย เพิ่มการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยจะตัดการทำงานของเครื่องยนต์และกลับมาทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อต้องจอดรถรอสัญญาณไฟจราจรหรือในสถานการณ์ที่การจราจรติดขัด

ก้านเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ DIRECT SELECT สามารถเปลี่ยนเกียร์ในแบบเกียร์ธรรมดาได้โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยเฉกเช่นรถแข่งฟอร์มูล่า 1 หรือใช้ก้านเกียร์แบบ DIRECT SELECT ที่คอพวงมาลัยเพื่อเลือกเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ในตำแหน่ง P, R, N และ D

ส่วนประกอบของแพ็กเกจระบบส่งกำลัง :

ทอร์คคอนเวอร์เตอร์เจนเนอเรชั่นใหม่ ลดการลื่นไถลพร้อมการลดระดับเสียงดังที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน และตอบสนองการใช้งานอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยีของระบบส่งกำลังที่ก้าวหน้าเป็นพิเศษ
สวิตช์ AGILITY SELECT ในคอนโซลกลางเลือกโหมดการขับขี่ / ระบบส่งกำลังได้ 5 โหมดการทำงาน
ก้านเกียร์แบบ DIRECT SELECT ที่คอพวงมาลัย
ก้านเกียร์แบบ DIRECT SELECT
ฟังก์ชัน ECO start/stop ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ระบบรักษาระดับความเร็ว TEMPOMAT พร้อมจำกัดความเร็ว SPEEDTRONIC แบบผันแปร และฟังก์ชัน HOLD
สวิตช์คิกดาวน์
ระบบล็อกขณะจอดรถ


Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

เรียบเรียงโดย teenee.com



ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.mercedes-benz.co.th

Mercedes Benz C-Class C350e (Plug-in Hybrid) 2016 พร้อมราคา(เริ่ม 2,9 ล้านบาท)

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์